ณ เกาะแห่งหนึ่งในทะเลจีนตะวันออก
สถานที่แห่งนี้ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับการทลายนภาของต้วนมู่เฉียนโดยเฉพาะ ทั้งยังมีเทพมังกรอ๋าวเฟิงมาวางเขตอาคมวารีศักดิ์สิทธิ์และค่ายกลปิดกั้นป้องกันไว้ให้อีกสองชั้น
เป็นการรับประกันว่า ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย เหมือนครั้งของหลินซูซินเมื่อสิบสองปีก่อนที่มีผู้เสียชีวิตเกือบพันคน
ฟูววว!
เครื่องบินรบรุ่นพิเศิษได้เริ่มลดระดับลงอย่างช้าๆ ด้วยตัวบอดี้สีดำที่ถูกดีไซน์อย่างสวยงามกับความเร็วในการบินที่สูงถึง 3 มัค ทำให้มันเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเสียงถึงสามเท่า และยังสามารถบินหลบขีปนาวุธนำวิถีได้สบาย
นี่เป็นผลงานชิ้นใหม่ของศูนย์วิจัยบนเกาะทะเลสาบมรกต ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักวิจัยแถวหน้าในประเทศ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เครื่องบินลำนี้ได้ถูกติดตั้งปืนลำแสงรุ่นใหม่และเทคโนโลยีล่องหนของยานบินต่างดาวเอาไว้ด้วย เพื่อใช้ต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับสูงสุดโดยเฉพาะ
แกร็ก!
ประตูห้องโดยสารด้านข้างเปิดออก พร้อมกับหน่วยรบพิเศษยี่สิบคนกรูกันออกมา ยืนตั้งแถวขนาบข้างสองแถวอย่างเป็นระเบียบ
จากนั้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดเครื่องแบบพลเอก ก็ก้าวออกมาอย่างช้าๆ ที่ด้านหลังของเขายังมีนักวิจัยสองคนในชุดคลุมสีขาว กับผู้ติดตามชายหญิงอีกเกือบสิบคนตามลงมาติดๆ
“ ทางด้านความเร็วนั้นดีเยี่ยม แต่ยังต้องเพิ่มเติมเรื่องความแข็งแกร่งทนทานอีกมาก นายอย่าคิดว่าแค่ศัตรูมองไม่เห็น แล้วจะไม่มีวิธีทำลายมัน เพราะแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดใช้การโจมตีวงกว้างออกมา เครื่องบินลำนี้ก็คงระเบิดเป็นจุลทันที ” จ้าวเทียนหันไปพูดกับนักวิจัยชาวต่างชาติที่อยู่ด้านหลังเบาๆ
“ ปัญหาเรื่องนี้ ฉันได้ค้นพบวิธีแก้ไขแล้ว ติดอยู่แค่เรื่องวัสดุและงบประมาณที่คุณมอบให้มันไม่พอน่ะสิ ถ้าให้คำนวณดูคร่าวๆ จะต้องใช้เงินเพิ่มอีกประมาณห้าหมื่นล้านหยวนเห็นจะได้ ถึงจะปรับปรุงเครื่องรุ่นต้นแบบสำเร็จ ” โทนี่พูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ในปัจจุบันสถาบันวิจัยของเขาได้รับงบประมาณ สูงที่สุดในหน่วยงานทั้งหมดของจ้าวเทียนแล้ว คิดเป็นอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ยังไม่พอกับความต้องการอยู่ดี
“ ห้าหมื่นล้านหยวน…เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้พวกเราได้รับเงินก้อนใหญ่จากการขายชิ้นส่วนร่างกายของเทพมารต่างภพ ให้ศาสนจักรแห่งแสงไม่ใช่เหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย เขาหันมองไปทางหวังซินหยางทันที
“ เอ่อ…คือว่าเงินตรงส่วนนั้น ถูกใช้ไปจนหมดตั้งแต่พวกเราเริ่มทำสงครามกับสมาพันธ์บู๊ลิ้มในโลกหมิงหลงแล้วครับ ” หวังซินหยางรีบส่งเอกสารแผ่นหนึ่งให้จ้าวเทียน ในนั้นบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างละเอียด
โดรนรุ่นใหม่ เจ็ดพันเครื่อง
เครื่องแยกอนุภาคนิวเคลียร์ฟิวชั่น เก้าเครื่อง
เครื่องปล่อยสัญญาณสื่อสาร
เครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า
ค่าก่อสร้างฐานบัญชาการ
แค่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากร ก็เป็นเงินเกือบแสนล้านหยวนแล้ว ความจริงในข้อนี้ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกหน้ามืดทันที
‘ นี่ฉันกลับมาถังแตกอีกแล้วงั้นเหรอ ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหยิบแหวนมิติสิบวงส่งให้กับหวังซินหยาง แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ นี่คือสมบัติที่พวกเราได้มาจากตำหนักเทวะและสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ฉันได้คัดแยกของที่จำเป็นออกไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือนายเอาไปจัดการได้เต็มที่ จะทำยังไงก็ได้แต่งานวิจัยทั้งหมดจะต้องเสร็จสมบูรณ์ภายในครึ่งปีนี้ เข้าใจไหม ”
“ ไม่มีปัญหาครับ เรื่องนี้ผมรับประกัน ” หวังซินหยางตอบอย่างมั่นใจ เขาได้ลองตรวจสอบของที่อยู่ในแหวนวงหนึ่งดูแล้วก็พบว่ามันมีมูลค่าสูงมาก หากปล่อยขายผ่านตลาดมืด น่าจะได้เงินมากกว่าที่ต้องการเกือบสามเท่าเลยทีเดียว
ผ่านไปครู่หนึ่ง
พวกจ้าวเทียนเดินมาถึงจุดที่มีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด ซึ่งได้รับการปกป้องจากสี่กองกำลังลับ ซิงหลง ไป๋หู่ จูเชวี่ย และเสวียนอู่ รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันคน พวกเขายืนตั้งขบวนอยู่หน้าโดมสีดำขนาดเท่าสนามฟุตบอล มันถูกสร้างจากโลหะพิเศษป้องกันไฟและสายฟ้า
“ ทั้งหมด ทำความเคารพ! ”
ตึง!
ปรมาจารย์ทั้งหนึ่งพันคน ตบเท้าทำวันทยหัตถ์พร้อมกันอย่างเข้มแข็ง ออร่าที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาทำให้บรรยากาศรอบๆสั่นสะเทือน
“ ผู้บัญชาการจ้าว เชิญทางนี้ ” หวังฝูหมิงก้าวออกมาแล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพ เพราะหลังจากนี้ต่อไป จ้าวเทียนก็คือผู้นำสูงสุดของพวกเขาทุกคน
“ ฉันพาคนอื่นๆเข้าไปด้วยได้ไหม ” จ้าวเทียนถามออกมาเบาๆ ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าลำบากใจทันที
“ ต้องขออภัยด้วย ผู้อาวุโสต้วนมู่อนุญาติให้คุณเข้าไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ”
“ งั้นเหรอ …” จ้าวเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นเขาก็บอกให้คนอื่นๆรออยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าประตูโดมใหญ่สีดำไป
หลังเดินผ่านอุโมงค์แคบๆ ที่มีการตรวจสอบลายนิ้วมือและสแกนม่านตาเข้าไปด้านใน ภาพแรกที่จ้าวเทียนมองเห็นคือปิรามิดโลหะสีดำสูงประมาณยี่สิบเมตร มันตั้งอยู่บนใจกลางเขตอาคมขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมา
ซึ่งตำแหน่งที่ปิรามิดตั้งอยู่ ตรงกับจุดที่แสงแดดจากโลกภายนอก สาดส่องเข้ามาจากช่องว่างบนหลังคาโดมพอดี
ส่วนต้วนมู่เฉียนนั้น เขานั่งหลับตาอยู่บนยอดปิรามิดอย่างสงบนิ่ง เหมือนกำลังทำสมาธิเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม สำหรับช่วงเวลาสำคัญที่กำลังจะมาถึง
“ ถึงตรงนี้ ก็หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ” หวังฝูหมิงพูดขึ้น พร้อมกับก้มหัวให้จ้าวเทียนเล็กน้อย แล้วรีบถอยกลับไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน