หลังจบสิ้นมหาสงครามที่ทำให้แดนสวรรค์บรรพกาลล่มสลายจนถึงยุคปัจจุบัน มันก็ได้ผ่านมาเกือบหนึ่งล้านปีแล้ว
ในขณะที่จักรพรรดิเทพในยุคนี้มีอายุขัยเพียงแค่หนึ่งแสนปี ดังนั้น มันจึงทำให้จ้าวเทียนเกิดความลังเลขึ้นมา ว่าอีกฝ่ายจะใช่คนที่เขาคิดหรือเปล่า
ส่วนเหตุผลที่จ้าวเทียนคาดเดาว่าชายคนนี้เป็นโฮ่วอี้ มันก็มาจากอวตารของคันศรระดับพระเจ้าที่อยู่ในมือ และกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณที่แผ่ออกมาจากจิตวิญญาณอีกฝ่าย
ที่สำคัญที่สุด…มีเพียงผู้ที่ได้สมญานามว่าเทพเจ้าแห่งเกาทัณฑ์เท่านั้น ถึงสามารถใช้แค่ท่วงท่าง้างคันศร ก็กดดันศิษย์พี่หญิงจนเข้าสู่เสี้ยววินาทีเป็นตายได้
‘ ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงร่างอวตาร ซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากฉันเท่าไหร่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังเผชิญหน้า กับภูเขาสูงใหญ่ที่ไม่อาจก้าวข้าม ’
ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา ขอแค่ศัตรูมีระดับพลังไม่แตกต่างกันมากนัก จ้าวเทียนย่อมมั่นใจว่าตนสามารถเอาชนะได้แน่นอน แม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับมหาเทพจูเซียน เขาก็ยังคงมีความมั่นใจแบบนี้เช่นเดียวกัน
เพียงแต่ว่า ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เขาก็ยังไม่สามารถหาช่องโหว่ หรือจุดอ่อนเพื่อโจมตีได้เลยแม้แต่น้อย
‘ สมกับเป็นจักรพรรดิเทพยุคบรรพกาล การที่ตัวตนในตำนานแบบนี้บุกเข้ามาทดสอบพวกเราถึงที่ คงต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน มีแต่ต้องรับเกาทัณฑ์สามดอกนี้ให้ได้ ฉันถึงจะมีอากาศได้รับรู้ความจริง ’
วูป!
จ้าวเทียนปลดปล่อยขอบเขตฟ้าดินแห่งกระบี่ออกมา รังสีกระบี่แปดพันสายถักทอกันเป็นกำแพงหนาปกป้องด้านหน้าของเขาเอาไว้
“ เชิญผู้อาวุโสลงมือได้เลย ฉันพร้อมแล้ว ”
“ อืมม์ ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลวเลย นับว่ามีคุณสมบัติให้ข้าเอาจริง ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะหยิบเกาทัณฑ์พาดสาย แล้วง้างคันศรจนโค้งงอ
วูป!
เสี้ยววินาทีนี้เอง ที่ทำให้จ้าวเทียนเข้าใจถึงความรู้สึกหวาดกลัวของศิษย์พี่หญิง เวลาโดนเกาทัณฑ์นี้เล็งใส่
จิตสังหารแหลมคมสุดใดเปรียบ ไม่อาจหลบหนี ไม่อาจต้านทาน…
ความรู้สึกนี้ เหมือนกับว่าร่างกายถูกตรึงเอาไว้ตรงใจกลางหุบเหวลึกอันดำมืด ที่ทำได้เพียงแค่รอคอยความตายเพียงอย่างเดียว
“ เก้าศรดับสุริยัน! ”
ฟ้าว! ตูมมม!
สิ้นเสียง ลูกเกาทัณฑ์ก็ทะลุมิติหายไป แล้วเจาะทะลวงกำแพงรังสีกระบี่ของจ้าวเทียนอย่างดุดัน จนมันสั่นสะเทียนและฉีกขาดออกเป็นช่องว่าง
แต่ทว่า นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของจ้าวเทียนแล้ว เขาจึงรับมืออย่างใจเย็น โดยใช้แก่นแท้แห่งกระบี่แทงสวนออกไป ทั้งจังหวะ ทั้งเวลาล้วนพอดีจนถึงขีดสุด
กิ้งง!
หัวลูกเกาทัณฑ์และคมกระบี่ปะทะเข้าใส่กัน โดยไม่คลาดเคลื่อนไปแม้แต่นิ้วเดียว ซึ่งคลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ก็ทำให้ข้อมือของจ้าวเทียนเจ็บแปลบเล็กน้อย
‘ แค่เพียงเกาทัณฑ์ดอกแรก ก็เทียบเท่าการโจมตีสุดแรงของขอบเขตแดนเทพขั้นสูงสุดแล้วเหรอ ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่กล้าผ่อนคลายความระวังแม้แต่น้อย
“ รับได้อย่างสบายเลยรึ น่าสนใจ ” ถึงโฮ่วอี้จะพูดขึ้นอย่างชื่นชม แต่มือของเขากลับไม่หยุดนิ่ง พาดสายเกาทัณฑ์ยิงดอกที่สองออกไปทันที
ฟ้าววว!
ในครั้งนี้ จ้าวเทียนตัดสินใจควบคุมรังสีกระบี่แปดพันสาย รวมตัวเป็นคมหอกพุ่งเข้าไปปะทะตรงๆอย่างซึ่งๆหน้า
เปรี้ยงงง ฉัวะ!
ลูกเกาทัณฑ์ทะลวงใส่คมหอก เหมือนดาวหางเปล่งประกายเจิดจ้าฉีกกระชากความมืดของท้องฟ้ายามราตรี เพียงพริบตาเดียวรังสีกระบี่ก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง
‘ บัดซบ! ลูกเกาทัณฑ์ดอกที่สองนี้ ถึงกับทรงอานุภาพมากกว่าเดิมสองเท่า ทั้งยังแฝงมหามรรคาจักรพรรดิอันสมบูรณ์แบบ แค่เพียงรังสีกระบี่ของฉันคงต้านไว้ไม่ไหวแน่ คงมีแต่ต้องใช้วิธีนั้นสินะ ’
“ ฟ้าดินแห่งกระบี่ ทำลาย! ”
ตูมมมม!
รังสีกระบี่ทั้งหมดระเบิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นพลังอันมหาศาลที่ปะทุออกมาได้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างจนแหลกเป็นจุล นี่คือแรงระเบิดจากรังสีกระบี่สี่พันสายที่เหลืออยู่ ซึ่งก็เทียบเท่ากับการระเบิดตัวเองของเซียนขั้นสูงสุดสี่พันคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน