จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 392

ยี่สิบนาทีผ่านไปภายในช่องว่างมิติหลังตู้หนังสือ ตอนนี้จ้าวเทียนกำลังทำหน้าที่ผู้เยาว์ที่ดียืนสำรวมอยู่ด้านหลัง ฟังผู้อาวุโสทั้งสองพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอย่างสงบ

เนื่องจากเป็นเรื่องภายในครอบครัว ดังนั้นผู้ที่เข้ามาได้จึงมีแต่ศิษย์หลักทั้งสาม รวมไปถึงลี่เหยาเหยา โม่ปิงหยู และโม่ซินหยานเท่านั้น ส่วนกงเสี่ยวเหมยกับพวกเฉินจิ้งต้องรออยู่ด้านนอก

“ ไม่นึกเลยว่า ช่วงที่ข้าไม่อยู่จะเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเพียงนี้ ” โฮ่วอี้พูดขึ้นด้วยความสะทกสะท้อนใจในชะตากรรมของบุตรสาวบุญธรรม หลังจากที่ได้รับฟังปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากหลินซินเยว่

“ แค่ท่านพ่อกลับมาก็ดีมากแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาของข้านั้นยังไม่เร่งด่วนอะไร เพราะยังเหลือเวลาอีกมากกว่าที่ข้าจะสิ้นอายุขัยหรือร่างต้นสำเร็จวิชาขั้นสุดท้าย”

“ สิ่งที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ก็คือความเคลื่อนไหวของเต๋าแห่งสวรรค์ต่อจากนี้ และท่าทีของทุกสำนักบนแดนสวรรค์จะปฏิบัติต่อพวกเราหลังจากที่ได้รู้ความจริงมากกว่า ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นอาจผลักดันสำนักดาราสวรรค์เข้าสู่หนทางการล่มสลายได้เลย

จริงอยู่ที่ค่ายกลป้องกันของสำนักดาราสวรรค์นั้นไร้เทียมทาน แต่ถ้าต้องกลายเป็นศัตรูกับแดนสวรรค์ทั้งหมด มันก็เท่ากับต้องถูกกักขังเอาไว้ในสำนักไม่สามารถออกมาได้ แล้วจะส่งศิษย์ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกได้อย่างไร นี่ยังรวมไปถึงเรื่องช่องทางจัดหาทรัพยากรฝีกตนด้วย

โฮ่วอี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้น

“ เสียดายที่ร่างจริงของข้าถูกผนึกเอาไว้ที่มิติโกลาหล ไม่อย่างนั้นคงสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างให้เจ้าได้ ”

!!

“ ถูกผนึก?...หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่ท่านหายตัวไป ” หลินซินเยว่หลุดปากถามออกมาเสียงดัง

“ ใช่…มันเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน หลังจากมหาสงครามบรรพกาลจบลง ผู้ที่รอดชีวิตมาได้มีเพียงข้ากับสหายอีกสองคนเท่านั้น แต่เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้นกำเนิดพลังถูกทำลาย ”

“ พวกเราจึงได้แบ่งดวงวิญญาณออกเป็นสองส่วน แล้วสร้างเป็นร่างแยกออกมา จากนั้นก็ให้ร่างที่แท้จริงเข้าสู่นิทราอันยาวนานเพื่อฟื้นฟูพลัง ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ให้ผลช้า แต่มันก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ”

“ เพราะสงครามครั้งนั้นได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด โลกทิพย์นับพันเหลือเพียงสิบเก้าโลก สิ่งมีชีวิตครึ่งจักรวาลดับสูญ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้พลังงานโกลาหลในจักรวาลถดถอยลงอย่างมาก อย่าว่าแต่จักรพรรดิเทพสามคนเลย ขีดจำกัดของจักรวาลในตอนนั้น แค่จักรพรรดิเทพคนเดียวก็ยังรับไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ”

“ หากพวกข้าไม่เลือกผนึกตนเองไว้ วัฏจักรแห่งจักรวาลก็จะเสียสมดุล ไม่อาจให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่ๆขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะทำให้จักรวาลแห่งนี้เข้าสู่หนทางแห่งการล่มสลายในเวลาไม่นานแน่นอน ”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ โฮ่วอี้ก็กวาดตามองทุกคนในห้องครู่หนึ่ง เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ ต่อมาภายหลัง พวกข้าถึงได้รู้ว่าสงครามที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของวานรเทพสามตา ที่ต้องการทำลายขุมกำลังทั้งหมด แต่นั่นมันก็สายไปแล้ว ”

“ ด้วยร่างแยกที่มีพลังเพียงขอบเขตเทพโลกาขั้นต้น สิ่งเดียวที่พวกข้าทำได้ก็คือการหลบซ่อนตัวให้พ้นจากสายตาของอีกฝ่าย เพื่อรอให้พลังฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมเท่านั้น”

“ ซึ่งความพยายามของพวกข้าก็ไม่สูญเปล่า ผ่านไปเก้าแสนกว่าปีในที่สุดพวกข้าก็สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้สำเร็จและพร้อมที่จะจบเรื่องราวทุกอย่าง ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับตอนที่ข้านำซินเยว่ไปฝากไว้กับสำนักดาราสวรรค์ เพราะไม่ต้องการให้นางถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ”

“ น่าเสียดายที่พวกข้า ประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น นอกจากจะสูญเสียสหายไปหนึ่งคนแล้ว พวกข้าที่เหลือยังถูกไล่ต้อนไปยังมิติโกลาหลและถูกวางผนึกเขตแดนเอาไว้ ไม่ให้กลับเข้ามาอีก ”

“ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ” หลินซินเยว่พยักหน้าเบาๆ ในที่สุดเธอก็ได้รับคำตอบของเรื่องที่เป็นปมฝังลึกในหัวใจมานาน

‘ ในอดีตฉันเคยคิดว่าตนเอง ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่สำนักเพราะไม่เป็นที่ต้องการของบิดา แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เหตุผลที่ท่านจากไป ก็เพราะไม่อยากให้ฉันได้รับผลกระทบไปด้วยต่างหาก ’

ทันใดนั้น

แวบ!

ร่างของเทพธิดาซวนเฉวียนปรากฏกายที่ด้านข้างลี่เหยาเหยา พร้อมกับรีบถามขึ้นอย่างร้อนรน

“ ผู้ที่ถูกผนึกอยู่กับตัวท่าน ใช่พี่ชายของข้าหรือไม่ ”

!!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน