ทางฝ่ายสำนักดาราสวรรค์ตอนนี้ ได้ถูกแม่ทัพฝ่ายศัตรูข่มขวัญอย่างสิ้นเชิง จนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่น้อย ทุกคนต่างพากันสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ เพื่อรอจนกว่าหลินซินเยว่จะทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพสำเร็จ
“ อาจารย์ป้า หากต้องเผชิญหน้ากับหลี่จิ้ง ท่านมีความหวังได้ชัยกี่ส่วน ” หลิวจงเสียนถามออกมาเบาๆ สายตาเขากวาดมองไปรอบๆเหมือนกำลังใช้ความคิด
ฝ่ายศัตรูมีจำนวนมากกว่าพวกเขาหลายร้อยเท่า อีกทั้งยังมีเทพโลกาขั้นเก้าอยู่อีกห้าคน ไม่นับรวมแม่ทัพเทพทั้งสอง ด้วยความต่างขนาดนี้ หากออกไปสู้โดยไม่มีแผนการ คงไม่ต่างไปจากการเอาไข่ไปกระทบหินแน่นอน
“ เรื่องนี้…ถ้าข้ายอมใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามเผาผลาญต้นกำเนิดพลังตนเอง ก็คงมีโอกาสครึ่งๆ แต่หากอีกฝ่ายใช้อาวุธระดับเทพเจ้าเจดีย์ทองคำเจ็ดชั้นออกมา ความหวังแม้เพียงหนึ่งส่วนก็ไม่มี ”
“ เพราะเจดีย์อันนั้น หากตรงตามเงื่อนไขก็จะสามารถผนึกพลังของศัตรูที่มีขอบเขตต่ำกว่าจักรพรรดิเทพ และกังขังเอาไว้ภายในได้ ดังนั้นต่อให้พวกเราทุกคนโจมตีออกไปพร้อมกันก็ไม่มีประโยชน์ ”
“ ที่สำคัญที่สุด พวกเจ้าอย่าลืมสิว่าหลี่จิ้งไม่ได้มาเพียงผู้เดียว ยังมีแม่ทัพเทพอีกคนยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก ”
พูดจบ จางซือเฉวียนก็หันมองไปยังประตูทิศใต้ของสำนักดาราสวรรค์ ที่นั่นเองก็มีกองทัพใหญ่ปิดล้อมอยู่เช่นเดียวกัน โดยมีแม่ทัพเทพอายุเยาว์ถือหอกมังกรทอง ยืนอยู่บนกงล้อไฟ ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
นี่คือหนึ่งในห้าเสาหลักของวังสวรรค์…ขุนพลเทพนาจา
ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายหลี่จิ้งเมื่อเห็นคำพูดของตนกระตุ้นอีกฝ่ายไม่ได้ ก็ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา แล้วโบกมือไปด้านหน้าเบาๆ
“ โจมตีได้! ”
สิ้นเสียง กองทัพทหารเทพก็ชักอาวุธออกมาฟาดฟันออกไปเบื้องหน้าพร้อมกัน นี่คือการโจมตีเต็มกำลังของผู้ฝึกตนขอบเขตแดนเทพเกือบสามล้านคน อานุภาพของมันดุจคลื่นทะเลที่บ้าคลั่งซัดโถมเข้าใส่ม่านพลังค่ายกลอย่างรุนแรง
เปรี้ยงงง! ตูมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว มิติพังทลาย ค่ายกลด้านนอกเจ็ดชั้นแรกสลายเป็นจุลในพริบตา แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นี้
คลื่นพลังทำลายล้างก็ยังคงทะลวงเข้าใส่ค่ายกลชั้นในอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการบดขยี้แผ่นดินลอยฟ้าของสำนักดาราสวรรค์ให้เป็นเถ้าธุลี
ทันใดนั้น
แวบ!
ค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดารา ที่ปกป้องสำนักมายาวนานหลานแสนปีก็สำแดงเดช
ภาพลวงตาของยี่สิบกลุ่มดาวได้ปรากฏขึ้นปกคลุมแผ่นดินลอยฟ้าเอาไว้ มันถูกจัดเรียงตำแหน่งตามแผนผังแปดทิศ แบ่งเป็นกลุ่มดาวใหญ่สี่กลุ่มดาว อันได้แก่ มังกรเขียวทิศบูรพา เต่าดำทิศอุดร พยัคฆ์ขาวทิศประจิม หงส์เพลิงทิศทักษิณ
โดยจุดกึ่งกลางค่ายกลถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์หยินหยาง ซึ่งเป็นตำแหน่งของมังกรทอง ราชันแห่งสัตว์เทวะทั้งสี่
พริบตานั้นเอง จุดแสงของดวงดาวแต่ละดวงก็แปรเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่นับล้าน ถักทอกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่สะท้อนการโจมตีทั้งหมดออกไปยังทิศทางเดิม เหมือนตัวแม่นที่สลัดขนอันแหลมคมของมันเมื่อพบอันตราย
ความรุนแรงของการโจมตีสะท้อนกลับ รุนแรงกว่าเดิมเกือบสามเท่า เนื่องจากได้รับการเสริมพลังโดยค่ายกล โดยไม่สนใจขีดจำกัดใดๆทั้งสิ้น
ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพลงมือเอง ก็ต้องรับผลกระทบนี้เช่นเดียวกัน
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทว่าเหตุการณ์นี้เหมือนอยู่ในการคาดเดาของหลี่จิ้งอยู่แล้ว เพราะก่อนที่การโจมตีสวนกลับจะมาถึง ทหารถือโล่หนึ่งแสนคนก็พุ่งทะยานออกมาจากแนวหลังสี่ทิศทาง เพื่อป้องกันการโจมตีทุกอย่างเอาไว้
วิ้ง! ครืนนนน!
โล่สีทองขนาดใหญ่ทั้งหนึ่งแสนอัน ได้ปลดปล่อยลำแสงขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเชื่อมต่อกัน
เปลี่ยนเป็นกำแพงยักษ์ที่ต้านทานได้ทุกสรรพสิ่ง ล้อมกรอบแผ่นดินลอยฟ้าของสำนักดาราสวรรค์เอาไว้ตรงกลาง จนแม้แต่อาวุธระดับเทพเจ้าก็ไม่อาจสั่นคลอนมันได้โดยง่าย
ก่อนที่จะรับมอบหมายภารกิจ หลี่จิ้งได้ศึกษาข้อมูลค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดารามาเป็นอย่างดี เขาจึงสามารถวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสม
‘ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ค่ายกลนี้แม้ดูไปจะไร้เทียมทาน แต่ถ้าพวกเราสามารถกระจายการโจมตีสะท้อนกลับของมันออกไปหลายๆทิศทางได้ ความรุนแรงก็จะถูกลดทอนลงไปมาก ’
เพื่อการนี้เขาลงทุนกู้ยืมโล่เทพตาข่ายฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางที่ใช้ในการสงครามมาจาก กองกำลังของแม่ทัพเทพสวรรค์คนอื่นอีกสามคน
ซึ่งกว่าจะรวบรวมได้ครบหนึ่งแสนอัน ก็ต้องยอมเสียสมบัติล้ำค่าออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ถ้ามันทำให้เขาเอาชนะศึกครั้งนี้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็คุ้ม
เพราะมหาเทพอวี่หวง ได้รับปากว่าจะมอบทรัพย์สินของเชลยให้กับเขาทั้งหมด
‘ การที่สำนักอ่อนแอแบบนี้ อยู่ดีๆก็สามารถให้กำเนิดจักรพรรดิเทพขึ้นมาได้ ย่อมต้องมีบางสิ่งที่สำคัญมากเก็บซ่อนเอาไว้แน่นอน ’
“ ทำต่อไป แล้วจงตะโกนข่มขวัญพวกมันไปด้วย ” หลี่จิ้งสั่งการออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าฝ่ายตนสามารถป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ โดยไม่มีผู้ใดเสียชีวิต
“ ไม่ยอมจำนน ต้องตายสถานเดียว ! ”
เปรี้ยงงง! ตูมมมม!
“ หลินซินเยว่ ยอมจำนนซะ ! ”
เปรี้ยงงง! ตูมมมม!
ทุกครั้งที่โจมตีออกไป ทหารเทพหลายล้านคนก็จะตะโกนออกไปพร้อมกันสุดเสียง ถึงแม้ค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดาราจะสามารถป้องกันไว้ได้สบาย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ทำให้แผ่นดินลอยฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ท่านอาจารย์กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการหลอมรวมมรรคาจักรพรรดิ ไม่อาจถูกรบกวนได้เป็นอันขาด ” คังหลินพูดขึ้นอย่างจริงจัง พร้อมกับหยิบแผ่นหยกสีดำออกมา นี่คือค่ายกลย่อยโจมตีของยี่สิบแปดดารา ที่เขาเคยใช้สังหารคนจากสำนักจตุเทวะในอดีต
ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ยอมใช้มันตั้งแต่แรก ก็เพราะกลัวจะพลั้งมือสังหารฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป จนเกิดเป็นความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน
แต่เมื่ออีกฝ่ายกล้าลงมืออย่างไม่ไว้หน้าแล้ว พวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดเรื่องอื่นให้มากความอีก
“ พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะเป็นคนลงมือเอง ” จางซือเฉวียนแย่งชิงแผ่นหยกมาจากคังหลิน เธอต้องการแบกรับผลกระทบที่เกิดขึ้นภายหลังเอง
“ อาจารย์ป้า เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนทำเถอะ ” คังหลินรีบพูดขัดขึ้น เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ในเมื่อเป็นความคิดของตัวเองจะให้คนอื่นมารับเคราะห์แทนได้อย่างไร
“ หุบปาก! นี่เป็นคำสั่ง ข้าได้ตัดสินใจดีแล้ว ” จางซือเฉวียนตวาดออกมาเสียงดัง ทำให้คังหลินชะงักไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน