ณ แดนสวรรค์ชั้นในทิศบูรพา
หลังปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจักรวาลจบลง ร่างทิพย์สิบตะวันของมหาเทพอวี่หวงยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาเขายังคงจับจ้องไปยังส่วนลึกสุดของสำนักดาราสวรรค์อย่างครุ่นคิด
สำหรับโอดิน อามาเทราสุ โอซิริส และกองทัพทั้งหมดของพวกเขา ไม่ได้อยู่ในความสนใจของมหาเทพอวี่หวงแม้แต่น้อย
“ ขออภัยด้วย ไม่ทราบมาก่อนว่ามหาเทพอวี่หวงผู้ยิ่งใหญ่จะมาเยือนสำนักของข้า จึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้ ”
สิ้นเสียง แสงดาวนับล้านก็ได้ถูกดึงดูดให้มารวมตัวกัน เป็นร่างทิพย์สิบตะวันของหลินซินเยว่ ถึงแม้กลิ่นอายและออร่าของเธอจะดูด้อยกว่าเล็กน้อย เพราะเพิ่งบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพได้ไม่นาน
แต่ก็สามารถ ยืนเผชิญหน้ากับมหาเทพอวี่หวงโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว
ทันใดนั้น
ครืนนน!
มหาเทพอวี่หวงและหลินซินเยว่ ได้ปลดปล่อยเจตจำนงแห่งจักรพรรดิของตนออกมาพร้อมกัน พลังที่แตกต่างกันสองขั้วปะทะกันเอง ส่งผลกระทบออกไปเป็นวงกว้าง เหมือนจักรวาลได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน
ทว่า ด้วยคุณภาพและความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า ทำให้เจตจำนงของมหาเทพอวี่หวงเริ่มผลักดันเจตจำนงของหลินซินเยว่ถอยกลับไปช้าๆ
บูมม!
ในยามที่หลินซินเยว่เริ่มมีท่าทีเสียเปรียบ ค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดาราของสำนักเธอ ก็ได้ระเบิดระพลังออกมา
เพื่อผลักดันเจตจำนงจักรพรรดิของมหาเทพอวี่หวงกลับไปยังจุดเดิม ตรงรอยต่ออาณาเขต ไม่ยินยอมให้พลังของเขารุกล้ำเข้ามาได้แม้แต่นิดเดียว
‘ แบบนี้แหละ ดีมาก พวกเจ้าทั้งคู่รีบต่อสู้กันได้แล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาใช้แผนกระตุ้นให้เปลืองแรง ’
โอดินแอบลุ้นระทึกอยู่ในใจ พร้อมทั้งพยายามเก็บอาการไว้ไม่ให้แสดงออก ขอเพียงจักรพรรดิเทพสองคนต่อสู้กันเอง ย่อมมีโอกาสให้เขาฉกฉวยผลประโยชน์อย่างแน่นอน
ตอนนี้สายตาของคนส่วนใหญ่ พากันจับจ้องไปที่การเผชิญหน้ากันของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง โดยเฉพาะกองทัพเทพสงครามที่ได้สูญเสียแม่ทัพใหญ่ไป ความรู้สึกของพวกเขายามที่ได้เห็นมหาเทพอวี่หวงไม่ต่างไปจากคนที่กำลังจะจมน้ำได้เจอขอนไม้ช่วยชีวิต
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากเห็นว่าไม่อาจกดดันฝ่ายตรงข้ามได้มากไปกว่านี้ มหาเทพอวี่หวงก็ถอนเจตจำนงกลับมา แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ไม่ต้องเกรงใจไป ตอนนี้ทั้งข้าและเจ้าก็อยู่ในสถานะทัดเทียมกัน พวกเราสนทนากันด้วยคำพูดปกติเถอะ ”
“ ได้สิ ว่าแต่ท่านมาพบข้าด้วยเรื่องอะไรงั้นรึ เกี่ยวกับคนพวกนี้ใช่หรือไม่ ” หลินซินเยว่กวาดตามองไปทาง ขุนพลเทพนาจาและกองทัพเทพสงครามที่หลงเหลืออยู่ นี่คงเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย
ครั้งนี้หลี่จิ้งได้นำทัพแกร่งมาถึงสามล้านคน ซึ่งถือเป็นกองกำลังครึ่งหนึ่งของวังสวรรค์ หากต้องสูญเสียไปทั้งหมด มันก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการปกครองแดนสวรรค์หลังจากนี้แน่นอน
นี่จึงเป็นเหตุผล ที่มหาเทพอวี่หวงยอมเสี่ยงมายังสนามรบด้วยตนเอง แค่เสียหลี่จิ้งไปมันก็เลวร้ายพออยู่แล้ว ทั้งนาจาและไท่ซ่างเหล่าจินต่างก็มีความสำคัญกับวังสวรรค์มาก เขาไม่ยอมสูญเสียใครไปอีกแน่
“ ชีวิตของพวกเขา…แลกกับระยะเวลาสงบศึกสามปี เจ้าเห็นเป็นอย่างไร ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ
ตอนนี้สิ่งเดียวที่หลินซินเยว่ต้องการก็คือเวลา ดูจากการหยั่งเชิงเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเธอยังด้อยกว่าอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง
หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจริงๆ เธอก็ทำได้เพียงแค่หลบซ่อนกายอยู่ในอาณาเขตค่ายกลยี่สิบแปดดาราเท่านั้น ซึ่งมันก็จะส่งผลกระทบต่อทุกคนในสำนักเป็นอย่างมาก
อย่างไรซะมหาเทพก็มีได้เพียงหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่สังหารฝ่ายตรงข้าม ระดับพลังของเธอก็จะถดถอยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับกลายเป็นเทพโลกาขั้นเก้าดังเดิม
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะพลังโกลาหลในจักรวาลยังหลงเหลืออยู่มาก แต่ถ้าปล่อยให้ผ่านไปอีกสักครึ่งปีคงจะเริ่มรู้สึกได้แน่นอน
“ สามปีงั้นรึ…ตกลงตามนี้ เชิญท่านนำตัวพวกเขากลับไปได้เลย ”
!!
“ ช้าก่อน! เรื่องนี้พวกเรามาปรึกษา… ” โอดินรีบพูดขึ้นทันที เขาประเมินดูแล้วว่ายังไงหลินซินเยว่ก็ต้องพ่ายแพ้แน่นอน สำนักดาราสวรรค์มีกองกำลังไม่ถึงเศษเสี้ยวของวังสวรรค์เลยด้วยซ้ำ มีแต่ต้องสังหารพวกนาจาลงที่นี่จึงมีจะหวังชนะได้
แต่ยังไม่ทันที่โอดินจะพูดจบประโยค ทั้งมหาเทพอวี่หวงและหลินซินเยว่ก็หันมามองด้วยสายตาเย็นชา ทำให้เขาต้องเงียบลงทันที
“ หลินซินเยว่ เจ้าควรระวังพวกชอบฉกฉวยผลประโยชน์ไว้บ้างนะ มันจะทำให้สงครามศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราต้องมัวหมอง ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยยัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน