หนึ่งเกาทัณฑ์ปลิดชีพนี้ดูไปเหมือนง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วมันได้ผ่านการคำนวณมาอย่างแม่นยำโดยโฮ่วอี้
เพราะพริบตาที่หลี่จิ้งสูดลมหายใจเพื่อที่จะเป่าแตรอเวจีคร่ำครวญ ก็เป็นช่วงเวลาที่ตัวเขาไร้ซึ่งการป้องกันจนเปิดเผยจุดอ่อนออกมา และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น
นับตั้งแต่หลี่จิ้งหยิบแตรเขาสัตว์สีดำออกมา เกาทัณฑ์ของโฮ่วอี้ก็เล็งตรงไปที่เขาแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ประสานสายตากันกลางอากาศ เป็นการเผชิญหน้ากันด้วยจิตวิญญาณและเจตจำนงแห่งการต่อสู้
ความสำเร็จหรือล้มเหลวตัดสินกันในเสี้ยววินาที แน่นอนว่าฝ่ายที่เสียเปรียบย่อมเป็นหลี่จิ้ง เพราะเขาถูกบีบคั้นด้วยเวลาอันกระชั้นชิด จากการทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพของหลินซินเยว่
จนสุดท้าย ก็ต้องตกตายไปแบบไม่ยินยอมพร้อมใจ…
เกาทัณฑ์ดอกนี้ถูกยิงออกไปด้วยเคล็ดวิชาเก้าศรดับสุริยัน มันเป็นเกาทัณฑ์ดอกที่แปดซึ่งโฮ่วอี้ยอมเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง ยิงออกมาโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะทำให้ตัวเขาอ่อนแอลงเป็นเวลานาน
ปกติแล้วเคล็ดวิชาเก้าศรดับสุริยัน จะต้องโจมตีต่อเนื่องกันเก้าครั้ง แต่ละครั้งอานุภาพจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างทวีคูณ
ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน โฮ่วอี้ย่อมไม่อาจไล่ยิงเกาทัณฑ์ออกไปทีละดอกได้ ศัตรูของเขาเป็นถึงหนึ่งในห้าเสาหลักแห่งวังสวรรค์ คงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้สั่งสมสภาวะการโจมตีไปเรื่อยๆแน่นอน
ดังนั้นโฮ่วอี้จึงยอมเสี่ยงใช้วิธีลัด ยิงเกาทัณฑ์ดอกที่แปดออกไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งผลของมัน ก็จะทำให้พลังของเขาลดลงไปถึงสี่ส่วนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลยทีเดียว
“ ท่านพ่อ! อ้ากกก ”
นาจากรีดร้องออกมาสุดเสียง เขาระเบิดพลังทั้งหมดใช้หอกมังกรทองกระแทกใส่โอดินจนกระเด็นออกไปไกล แล้วฝ่ามิติกลับมากอดร่างไร้วิญญาณของบิดาเอาไว้
โดยปกติ เมื่อเทพโลกาสร้างร่างทิพย์ขึ้น จะมีกายแท้ที่แทบจะเป็นอมตะ ตราบใดที่ดวงวิญญาณและโลกภายในยังคงอยู่ก็จะสามารถฟื้นฟูความเสียหายได้อย่างไม่จำกัด ต่อให้ถูกตัดศีรษะหรือร่างกายแหลกกระจุยเป็นชิ้นๆก็ยังสามารถคืนชีพได้
แต่ทว่า
เกาทัณฑ์ของโฮ่วอี้ได้สังหารสิ้นทั้งดวงวิญญาณและกายทิพย์ เป็นการดับสูญอย่างแท้จริงที่ต่อให้พระยูไลมาเองก็ช่วยชีวิตหลี่จิ้งเอาไว้ไม่ได้
บูมมมม!
ตอนนี้ร่างกายของนาจาได้ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน มันเป็นเพลิงแห่งความพิโรธที่พร้อมจะเผาผลาญฟ้าดินให้มอดไหม้เป็นจุล
“ แก! กล้าดียังไง ”
เสียงคำรามดุจสัตว์ร้าย พร้อมกับแววตาดุดันของนาจาที่จ้องมองมาทางโฮ่วอี้ ทำให้คนอื่นๆที่พบเห็นสยิวกายขึ้นด้วยความหนาวเหน็บ มันเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งที่ไม่ยอมอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับศัตรู
“ นาจา พวกเราต้องถอยเดี๋ยวนี้! ” ไท่ซ่างเหล่าจินรีบคว้าไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ สถานการณ์ของพวกเขาตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังต้องมาสูญเสียแม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็นขวัญกำลังใจของกองทัพไปอีก
หากสู้ต่อไปทั้งอย่างนี้ คงได้พินาศกันหมดสิ้นแน่นอน…
“ หุบปาก! ” นาจาสะบัดแขนไปด้านหลังอย่างรุนแรง กระแทกใส่ไท่ซ่างเหล่าจินจนกระเด็นไปไกล
อั่ก!
“ นี่เจ้า! เป็นบ้าไปแล้วงั้นรึ ” ไท่ซ่างเหล่าจินกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด ตัวเขาเป็นปราชญ์เมธีแห่งแดนสวรรค์ไม่ใช่เทพนักรบ หากวัดกันที่พลังจากกายแท้เพียงอย่างเดียวย่อมอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายอยู่แล้ว
“ไท่ซ่างเหล่าจิน ท่านคิดจะถอยแล้วรึ อยู่สนทนาเป็นเพื่อนพวกข้าก่อนดีหรือไม่ ” เทพโอซิริสและเทวีอามาเทราสุ ปรากฏกายขึ้นปิดล้อมไท่ซ่างเหล่าจินเอาไว้
แม้แต่โอดินเองก็เริ่มก้าวเข้ามาหานาจาอย่างช้าๆเช่นเดียวกัน ตอนนี้หนึ่งในห้าเสาหลักอย่างหลี่จิ้งก็ดับสูญไปแล้ว หากจัดการพวกที่เหลือได้ ไม่ใช่ว่าจะยิ่งดีกว่างั้นหรือ
“ กุงเนียร์! ”
สนามพลังแห่งกาลเวลาได้ปกคลุมนาจาและกองทัพเทพสงครามทั้งหมดเอาไว้ ปิดผนึกทางหนีทีไล่ของพวกเขาทั้งหมด รวมไปถึงการฝ่ามิติหรือเขตอาคมเคลื่อนย้ายด้วย
“ โอดิน เจ้าคิดจะแลกชีวิตกับข้างั้นรึ ” นาจาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถึงแม้จะยอมปล่อยให้เพลิงโทสะครอบงำ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
ย่อมรู้ดีว่าครั้งนี้พวกตนได้พ่ายแพ้แล้ว ดิ้นรนต่อไปก็มีแต่ชักนำความพินาศให้ขุมกำลังฝ่ายตนทั้งหมดเท่านั้น
แต่เมื่อมองเห็นศัตรูที่สังหารบิดาอยู่ตรงหน้า จะให้เทพนักรบผู้ทรงเกียรติอย่างนาจายอมถอยหนีกลับไปโดยไม่สู้ได้อย่างไร
“ แลกชีวิต? ข้าไม่คิดว่าตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติพอจะพูดคำนั้นหรอกนะ ขอเพียงสหายท่านนั้นกำนัลให้อีกสักหนึ่งเกาทัณฑ์ ตัวเจ้าก็คงได้ไปพบหน้ากับบิดาสมใจแล้ว ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน