ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ที่ถูกย้อมจนแดงฉานไปด้วยโลหิต บาโซกาลูมองซากศพนับแสนกองพะเนินเป็นภูเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่มีร่างใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เศษชิ้นส่วนอวัยวะมากมายปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
‘ ฉันคงมาได้แค่นี้สินะ… ’
ด้วยอาการบาดเจ็บในปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแก้แค้น แค่โอกาสรอดชีวิตยังแทบจะไม่มี สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการงอมือรับความตายงั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนสิ้นชีพไปจะมีหน้าไปพบกับสหายมากมายที่ยอมตายเพื่อเขาได้อย่างไร
“ จาฮีส นายยังสู้ไหวไหม ”
!!
“ หมายความว่าไง ฉันย่อมสู้ไหวอยู่แล้ว พันธมิตรแห่งความมืดเราไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาเด็ดขาด ต่อให้ต้องตายก็ตายในการต่อสู้เท่านั้น ” มูฮัมหมัด จาฮีสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง มีแต่การตายอย่างมีเกียรติ ดวงวิญญาณจึงจะถูกเทพเจ้าแห่งความมืดรับตัวกลับไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา
“ ดีมาก ฉันจำได้ว่านายคือผู้สืบทอดสายเลือดเทพเจ้าเซตใช่ไหม งั้นฉันจะช่วยปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ในสายเลือดนายออกมา ”
“ ถ้านายเอาชนะจ้าวเทียนได้ ฝากกลับไปแก้แค้นไอพวกนายทุนบัดซบนั่นให้ฉันด้วยก็แล้วกัน ”
สิ้นเสียง บาโซกาลูก็หยิบกริซสีดำออกมา ยื่นให้มูฮัมหมัด จาฮีสรับไว้ แล้วตะโกนขึ้นด้วยภาษาเทพโบราณ
“ ตัวข้าสาวกแห่งความมืดผู้ซื่อสัตย์ ขอสังเวยชีวิตและดวงวิญญาณตนเอง เพื่ออัญเชิญพลังของเทพมารบาโซมุนผู้ยิ่งใหญ่ ให้ลงมาสถิตยังร่างของชายผู้นี้ ”
“ คำสาปอมตะ การอำนวยพรแห่งความมืด! ”
จากนั้น บาโซกาลูก็จับมืออีกฝ่าย แทงคมมีดเข้าใส่หัวใจตนเองจนเลือดสาดกระจาย
ฟู่วววว!
ร่างของบาโซกาลูได้ลอยขึ้นสูงเหนือพื้น ก่อนจะถูกเปลวเพลิงสีดำเผาไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่เหลือซาก เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในอึดใจเดียว จนทำให้มูฮัมหมัด จาฮีสตั้งตัวไม่ทัน
เปรี้ยง!ๆๆๆ
ปรากฏเป็นกลุ่มเมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ พร้อมกับพายุสายฟ้าสีดำฟาดกระหน่ำลงมาเบื้องล่าง
อ้ากกกก!
มูฮัมหมัด จาฮีส กรีดร้องออกมาสุดเสียง สายฟ้าสีดำพุ่งเข้าไปในร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง เพียงครู่เดียว ตรงกลางหน้าผากของเขาก็ปรากฏสัญลักษณ์ลูกตาสีดำ ปลดปล่อยกลิ่นอายอันดำมืดชั่วร้ายออกมา
นี่คือคำสาปอมตะของสมาคมศาสตร์มืด ซึ่งมีเพียงผู้ทำพันธสัญญาเทพอสูรเท่านั้นที่ใช้ได้ และทั้งชีวิตยังใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว เนื่องจากต้องแลกมาด้วยดวงวิญญาณของตนเอง
ภายในสามชั่วโมงหลังจากนี้ มูฮัมหมัด จาฮีสจะได้รับพลังฟื้นฟูเหมือนซอมบี้ระดับสูง ทั้งยังปลดผนึกพลังที่แท้จริงของเขาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ทำให้แข็งแกร่งกว่าเดิมนับสิบเท่า
บูมมมม!
เมื่อเมฆสีดำสลายตัวไป ความกดดันอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากร่างมูฮัมหมัด จาฮีสทำให้ผืนทะเลทรายสั่นสะเทือน ดวงตาทั้งหมดของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เหมือนหลุมลึกที่สามารถดูดกลืนวิญญาณผู้คน
“ ยืมพลังจากโลกแห่งมาร มาใช้ปลดขีดจำกัดทางสายเลือดให้สหายงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยร้อยยิ้มเย็นชา
เหตุผลที่เขาไม่ขัดขวาง ก็เพราะต้องการคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากระตุ้นจิตสังหารของตนเอง ไม่เช่นนั้น เขาคงสังหารผู้นำทั้งสองฝ่ายศัตรูไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ กองทัพแห่งความตาย จงรับบัญชา! ”
ครืนนน!
เพียงมูฮัมหมัด จาฮีส วาดดาบออกไปด้านหน้า ทะเลทรายทั้งหมดก็ตอบสนอง มันถูกดึงดูดมารวมตัวกัน เกิดเป็นผู้พิทักษ์โบราณผิวดำสนิท และมีสภาวะพลังน่าเกรงขาม โผล่ขึ้นมายี่สิบแถว รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันตน
ผู้พิทักษ์เหล่านี้มีรูปร่างกำยำสูงเกือบสามเมตร เปลือยร่างท่อนบน คาดเกราะกระโปรงโลหะไว้บนเอว สวมปอกคอโลหะที่สลักอักษรภาพไว้บนข้อมือและข้อเท้า
สิ่งที่น่าพรั่นพรึงก็คือ ผู้พิทักษ์โบราณที่เกิดจากการรวมตัวกันของเม็ดทรายเหล่านี้ มีหัวเป็นหมาไน
“ หืม แค่หุ่นเชิดระดับบีหนึ่งพันตัวงั้นเหรอ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ” จ้าวเทียนรู้สึกเหมือนตัวเองเสียเวลารอโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้ เขาสามารถจัดการได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว
แต่ทว่า เสียงของจ้าวเทียนเพิ่งจะขาดลง กองทรายก็ระเบิดขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ยี่สิบแถวอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
ฟู่ม!
ฟู่ม!
ฟู่ม!
ผู้พิทักษ์กระโดดออกมาจากทรายหลายแถว พริบตาเดียวก็ขยายออกไปด้านหลังผู้พิทักษ์หนึ่งพันตัวแรกมากกว่าหนึ่งแสนตัว มองไปเป็นสีดำทั้งแถบ จนแทบปกคลุมผืนทรายในสายตาจ้าวเทียนจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน