เมื่อผลจากการระเบิดพลังทั้งหมดจบสิ้นลง และฝุ่นควันแห่งความวินาศสันตะโรกระจายตัวออกไป จ้าวเทียนก็ฝืนยิ้มเจื่อนๆ ด้วยสภาพที่ดูไม่จืดนัก ชุดป้องกันเวทของเขาขาดรุ่งริ่งเหมือนผ้าขี้ริ้ว ผมกระเซอะกระเซิง มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยตามผิวกายหลายจุด
จริงอยู่ที่การโจมตีของทั้งสี่สาว ไม่อาจสร้างบาดแผลรุนแรงให้กับจ้าวเทียนได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้กับศัตรูในช่วงเวลาสิบวันที่ผ่านมา สภาพของเขาในวันนี้นับว่ายับเยินจริงๆ
“ เอ่อ…ปิงหยู หนูปล่อยฉันได้แล้วนะ ” จ้าวเทียนพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับก้มหน้ามองเด็กสาวที่กอดเอวของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย แม้ว่าการต่อสู้จะจบไปแล้วก็ตามที
ต้องบอกเลยว่า เรื่องที่โม่ปิงหยูฝึกฝนเคล็ดอมตะจูเชว่ได้ถึงระดับนี้ และสามารถบรรลุแก่นแท้แห่งชีวิตได้ก่อนอายุสิบห้าปี มันสร้างความตกตะลึงให้กับจ้าวเทียนมาก
เหนือสิ่งอื่นใด การโจมตีครั้งสุดท้ายของเธอถึงกับใช้ตนเองเป็นกระสุนมนุษย์พุ่งเข้ามากอดรัดผนึกความเคลื่อนไหวเขาเอาไว้ จนไม่อาจหลบหลีกการโจมตีต่อเนื่องของอีกสามคนที่เหลือได้
ต่อให้โม่ปิงหยูจะต้องโดนลูกหลงไปด้วย แต่เพราะพลังฟื้นฟูอันสูงล้ำของเคล็ดอมตะจูเชว่และแก่นแท้แห่งชีวิตของเธอ การโจมตีที่ต่ำกว่าขอบเขตเทพโลกาย่อมไม่อาจทำอันตรายได้อยู่แล้ว
‘ จริงอยู่ที่ฉันสามารถจัดการเธอได้ก่อนจะเข้าประชิดตัว แต่จะให้ใช้แก่นแท้สังหารกับลูกศิษย์ของตัวเองได้อย่างไรล่ะ ’
การต่อสู้ครั้งนี้ จ้าวเทียนได้ตั้งข้อจำกัดกับตัวเองไว้หลายอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับสี่สาว ทั้งเคล็ดวิชาสังหารทั่วทิศ ร่างเจตจำนงเทพยุทธ และแก่นแท้สังหาร ก็อยู่ในข้อห้ามของเขาด้วยเช่นกัน
“ อาจารย์คะ ขอหนูอยู่แบบนี้อีกสักพักไม่ได้เหรอ ” โม่ปิงหยูออดอ้อนอย่างน่ารัก ดวงตากลมโตเป็นประกายของเธอ จ้องมองจ้าวเทียนอย่างคาดหวัง
“ พอแล้วล่ะ ฉันยังต้องฟื้นฟูชุดป้องกันเวทอีก ” จ้าวเทียนรีบพูดออกมาทันที เพราะสัมผัสได้ถึงสายตาทิ่มแทงจากสาวงามอีกสองคน ที่กำลังบินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ โห อาจารย์ขี้งกอ่ะ เล่นหายหน้าหายตาไปตั้งหลายวัน รู้ไหมว่าหนูคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว ” โม่ปิงหยูบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่เธอก็ยอมผละตัวออกมาแต่โดยดี ถึงอย่างไรครั้งนี้พวกเธอก็ผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ
วูป!
แสงสีขาวได้ปกคลุมร่างกายของจ้าวเทียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สภาพเขาจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมเหมือนตอนปกติ
“ นายเป็นยังไงบ้าง ” ลี่เหยาเหยาถามออกมาด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม เธอเบียดตัวเข้ามาใกล้จ้าวเทียนพร้อมกับสบตาเขาตรงๆ
“ อืม ถ้าให้พูดตามตรง ความแข็งแกร่งของพวกเธอตอนนี้เหนือกว่าในอดีตมาก ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่จุติลงมาจากแดนสวรรค์ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ใช่ ระดับผู้นำของสามขุมกำลังชั้นยอด ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ” จ้าวเทียนตอบออกมาตามตรง ตราบเท่าที่พวกเธอทั้งสี่คนอยู่ด้วยกัน เขาก็รู้สึกวางใจเป็นอย่างมาก
ลี่เหยาเหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็แกล้งปั้นสีหน้าจริงจัง ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง
“ ฉันหมายถึง ตอนที่นายถูกเด็กสาวน่ารักอย่างน้องปิงหยูโอบกอดน่ะ รู้สึกยังไงบ้าง มันดีหรือเปล่า ”
!!
ห๊ะ!
จ้าวเทียนใบหน้าแข็งค้างไปทันที แต่เมื่อเห็นแววตาขบขันของลี่เหยาเหยา เขาก็สัมผัสได้ว่าเธอเพียงต้องการเอาคืน ที่เขาทิ้งเธอไปทำภารกิจนานหลายวันเท่านั้น
หมับ!
“ ตอนนี้…ฉันรู้สึกดีมากเลยล่ะ ” จ้าวเทียนคว้าเอวลี่เหยาเหยาโอบกอดเธอไว้หลวมๆ พร้อมกับกระซิบเบาๆที่ข้างหู ทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายเขินอายแทนและทุบตีไปที่แขนของเขาแบบงอนๆ
ถึงแม้จะตกลงคบหากันแล้ว แต่ด้วยภารกิจที่รัดตัวและสถานการณ์กดดัน จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร่วมกันเท่าที่ควร พอได้มีโอกาสใกล้ชิดกันเลยอดหวั่นไหวใจไม่ได้
‘ ในที่สุด ฉันก็สามารถอยู่เคียงข้างนายไปตลอดได้แล้วใช่ไหม ’
ลี่เหยาเหยาจ้องมองจ้าวเทียนด้วยแววตาหวานซึ้ง หลังผ่านเวลามาเนิ่นนานเป้าหมายของเธอก็ยังเป็นเช่นเดิม คือต้องการช่วยเหลือจ้าวเทียนต่อสู้เคียงข้างไปด้วยกัน
ลี่เหยาเหยารู้ดี ว่าตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งที่เธอเอาตัวเข้าไปรับกระบี่แทนจ้าวเทียนจนเกือบตาย มันก็ได้สร้างบาดแผลในใจให้เขาเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน