บนเศษซากเกาะแห่งหนึ่งที่กำลังจะจมลงไปในมหาสมุทร เหยียนซืออู่ได้ใช้ดาบคู่กายปักลงไปบนพื้น พยายามใช้เจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวและพละกำลังเฮือกสุดท้ายของตน ฝืนพยุงร่างกายเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ
ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเหยียนซืออู่ตอนนี้ อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้เป็นระดับขอบเขตแดนเทพเลย แค่ระดับปรมาจารย์ธรรมดาสามัญ ก็สามารถใช้มือข้างเดียวเอาชนะเขาได้แบบไม่ยากเย็นด้วยซ้ำ
‘ นี่ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมกำลังเสริมของสมาพันธ์เซียนยังมาไม่ถึงอีก ’
ก่อนที่เหยียนซืออู่จะตามศัตรูเข้าช่องว่างมิติไป เขาได้กดเปิดเครื่องติดตามตัวเอาไว้ก่อนล่วงหน้า โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันสังเกตเห็น
ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรง ต่อให้ไม่มีเครื่องติดตาม แต่เมื่อเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงถึงขนาดระเบิดเกาะไปหนึ่งเกาะ หรือพลิกคว่ำมหาสมุทรจนปั่นป่วนไปทั่ว
อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังอยู่ติดกับพรมแดนประเทศจีนเพียงสามร้อยกิโลเมตร มันก็ต้องมีใครตรวจสอบพบบ้างไม่ใช่เหรอ
“ หึหึ เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ เป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อยกลับสามารถเผชิญหน้ากับผู้ติดตามของข้าได้นานขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นคงถูกสังหารไปตั้งแต่สิบลมหายใจแรกแล้ว ” ชายหนุ่มผมทองพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม หากไม่ติดเรื่องภารกิจสำคัญ เขาอาจจะรับอีกฝ่ายเข้าสู่กองทัพวังสวรรค์เป็นกรณีพิเศษก็เป็นได้
และก็เหมือนจะอ่านใจเหยียนซืออู่ออก ชายหนุ่มผมทองจึงเริ่มพูดขึ้นต่อ
“ ดูเหมือนเจ้ากำลังรอให้คนมาช่วยอยู่สินะ น่าเสียดายที่ความหวังของเจ้าคงไม่มีวันเป็นจริง เพราะข้าได้วางเขตอาคมปิดกั้นขนาดใหญ่ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ ต่อให้การต่อสู้ของพวกเราจะส่งผลกระทบขนาดไหน คนที่อยู่ภายนอกก็ไม่มีทางตรวจสอบเจอแน่นอน ดังนั้นเจ้าจงยอมรับชะตากรรมของตนเองไปเสียเถอะ”
“ นายท่าน ขอข้าหักขาของมันทั้งสองข้างได้ไหม ” ชายผิวดำที่กลับคืนรูปร่างมนุษย์แล้ว เดินเข้ามาเตะใส่ดาบของเหยียนซืออู่อย่างแรง แล้วใช้มือคว้าไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะร่วงไปกองบนพื้น
แกร่ก!
ดาบใหญ่ทลายภูผา อาวุธคู่กายของเหยียนซืออู่หักออกเป็นสองส่วน ทั้งยังถูกคลื่นพลังทำลายล้างที่แฝงไปในการโจมตี บดขยี้จนแตกกระจายเป็นชิ้นๆกลางอากาศ เหลือเพียงส่วนคมดาบที่ปักอยู่บนพื้นเท่านั้น
“ แก…ไอ้บัดซบ ” เหยียนซืออู่กัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ ดาบเล่มนี้บิดาของเขาเป็นผู้มอบให้ก่อนตาย และมันก็อยู่ร่วมกับเขามาเกือบสองร้อยปี ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาสูญเสียไปแบบนี้
“ ทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย แค่อย่าปล่อยให้มันตายก็พอ ” ชายผมทองพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทำให้ชายผิวดำฉีกยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว
ผลั่ก! อ้ากกก!
“ ช่างเป็นเสียงกรีดร้องที่ไพเราะยิ่งนัก อย่ารีบหมดสติไปเสียก่อนล่ะ ” ชายผิวดำปล่อยคลื่นหมัดใส่ขาทั้งสองข้างของเหยียนซืออู่อย่างรุนแรง จนเส้นชีพจรของเขาฉีกขาดจนหมดสิ้น กระดูกส่วนขาแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆเท่าเม็ดทราย คงเป็นเรื่องยากมากที่จะลุกขึ้นยืนด้วยกำลังของตนเองได้อีก
ตุบ!
ชายผิวดำโยนร่างของเหยียนซืออู่ทิ้งลงบนพื้นเหมือนดินเหลวกองหนึ่ง ถึงแม้จะรู้สึกชื่นชมในความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ความหงุดหงิดและความโกรธกลับมีมากกว่าหลายเท่า จึงเลือกลงมืออย่างหนักหน่วง
‘ กล้ามาทำให้ข้าต้องอับอายต่อหน้านายท่าน แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ หากแกไม่ได้โอสถศักดิ์สิทธิ์ช่วยฟื้นฟู ก็อย่าหวังจะลุกขึ้นมาได้อีกเลย ’
“ ว่ายังไง ยอมรับสารภาพความผิดเรื่องที่ไปเข้าร่วมกับนิกายจูเซียนหรือยัง บางทีข้าอาจจะรักษาชีวิตให้เจ้าได้นะ ”
“ ฝันไปเถอะ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะขอตายอย่างสมศักดิ์ศรี พวกแกอย่าหวังจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย ” เหยียนซืออู่รีบตะโกนออกมาเสียงดัง เขาไม่ยอมเป็นต้นเหตุให้ทุกคนในสำนักคุนหลุนเดือดร้อนเด็ดขาด
“ หึหึ งั้นเหรอ หมายความว่าต่อให้ข้าทรมานหลานสาวของเจ้าจนตายไปตรงนี้ ก็จะไม่เปลี่ยนใจสินะ ช่างใจแข็งสมกับเป็นผู้กล้าจริงๆ ”
!!
“ นี่แก ไอ้ชาติชั่วเอ้ย ”
เปรี้ยง!
ร่างของเหยียนซืออู่ปลิวกระเด็นไปเกือบสิบเมตร เขาถูกชายผิวดำเตะเข้าใส่ที่ใบหน้าจนฟันหักไปหลายซี่ ล้มลงหมดสติในทันที
“ เห่าฟ้า จงตัดแขนชายคนนี้ข้างหนึ่ง แล้วส่งไปยังฐานบัญชาการของจ้าวเทียน บอกให้พวกมันนำแผ่นหินโกลาหลมาแลกภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นก็รอรับศพได้เลย ” ชายผมทองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปสนใจเด็กสาวที่นั่งตัวแข็งอยู่บนพื้นอีกครั้ง
แต่ทว่า
“ ……. ”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา กลับกลายเป็นรูปปั้นดินไร้ชีวิต ที่มีลักษณะเหมือนกับจ้าวหยูเหมยเท่านั้น ส่วนตัวเธอได้หายไปจากสถานที่นี้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้สึกตัวแม้แต่น้อย
แวบ!
ดวงตาที่สามของชายผมทองเปิดขึ้นกลางหน้าผาก ตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอย่างเคร่งเครียดอยู่ครู่นึ่ง จากนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน