กลางดึกในวันที่รับตัวน้องสาวกลับมาจากทิเบต จ้าวเทียนยืนเอามือสองข้างไพล่หลังอยู่บนหลังคาคฤหาสน์ สายตาของเขาเหม่อมองไปยังทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล
เฮ้อ…
เสียงถอนหายใจอันแผ่วเบาดังขึ้น ราวกับกำลังรู้สึกลังเลกับการตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่าง ทำให้แผ่นหลังของชายหนุ่มผู้นี้ช่างดูเดียวดายและอ้างว้างกว่าเดิม
ทันใดนั้น
ตุบ!
เสียงเบาๆที่ดังขึ้นปลุกจ้าวเทียนให้ตื่นจากภวังค์ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจไม่มั่นคงของเขา ไม่มีทางที่จะถูกบุคคลอื่นเข้าประชิดตัวได้ง่ายขนาดนี้
แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเทียนจะได้พูดอะไรออกไป สัมผัสอันคุ้นเคยและอ้อมกอดแสนอบอุ่นของหญิงสาว ก็ทำให้หัวใจที่สับสนของเขาสงบลงได้ในพริบตา
“ ฝึกวิชาเสร็จแล้วงั้นเหรอ มาหาฉันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แม้สายตาของเขายังคงกวาดมองไปบนฟ้า แต่มือข้างหนึ่งกลับขยับขึ้นมายึดกุมมือเล็กเนียนนุ่มเอาไว้
“ ตาทึ่ม! หรือต้องรอให้มีบางอย่างเกิดขึ้นเสียก่อน ฉันถึงจะมาหานายได้รึไง ”
ลี่เหยาเหยาที่กำลังแนบใบหน้าไปกับแผ่นหลังของจ้าวเทียนด้วยความสนิทสนม รีบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแง่งอน พร้อมหยิกไปที่หลังมือของเขาเบาๆด้วยอารมณ์หมั่นเขี้ยว ก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม
เธอรู้ดีว่าบนบ่าของเขาต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนมากมาย
อีกทั้งยังต้องทนรับความกดดันมหาศาลจากศัตรูทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ที่แทบจะไม่มีโอกาสเอาชนะได้
เพราะเหตุนี้เอง เธอจึงต้องการเป็นพลังที่คอยสนับสนุนเขาให้เดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง ไม่ให้ต้องพบเจอกับสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง
‘ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างนายเอง ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกหรือเทพสวรรค์ทั้งหมดก็ตาม ’
เหมือนจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของหญิงสาว จ้าวเทียนเลยหันหน้ามาเผชิญกับแววตาหวานซึ้งคู่นั้นตรงๆ
“ ทำให้เธอต้องเป็นห่วงอีกแล้วสินะ คงเป็นเพราะเรื่องที่ได้พบมาวันนี้มันได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของฉันรุนแรง จนบางครั้ง ก็อดรู้สึกคิดไม่ได้ว่าจะพยามดิ้นรนต่อสู้ไปเพื่ออะไรกันแน่ ” จ้าวเทียนพูดระบายความรู้สึกที่แท้จริงออกมาโดยไม่ปิดบัง
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเสมอว่า มีเพียงต้องกำจัดเต๋าแห่งสวรรค์ต้นเหตุแห่งความหายนะทั้งมวล จึงจะคืนความสุขให้จักรวาลแห่งนี้ และทำให้ทุกสิ่งกลับเข้าสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น
แต่ทว่า เมื่อได้รู้ความจริงจากปากพระยูไลถึงแผนการต่างๆของเต๋าแห่งสวรรค์ ว่าส่วนหนึ่งทำไปเพื่อจัดการกับผู้ทำลายล้างเอกภพอย่างราชันเทพมาร
แม้วิธีการของเต๋าแห่งสวรรค์จะดูโหดร้ายและเผด็จการ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับเป็นทางเลือกที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด เพราะพลังของจักรวาลในปัจจุบันไม่อาจรองรับจักรพรรดิหลายองค์ได้เหมือนอดีต
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหนึ่งล้านปี แต่ละยุคสมัยจะมีจักรพรรดิเทพถือกำเนิดได้มากสุดเพียงสององค์เท่านั้น หากจักรพรรดิเทพองค์เก่าไม่สูญสิ้นไป ก็จะไม่มีเทพโลกาขั้นเก้าคนไหนรวบรวมพลังโกลาหลได้เพียงพอจะบรรลุมรรคาจักรพรรดิอีก
ในทางกลับกัน ด้วยวิธีของเต๋าแห่งสวรรค์ในการเปลี่ยนจักรพรรดิเทพที่สิ้นอายุขัยให้กลายเป็นหุ่นเชิด ถึงแม้จะทำให้พวกเขาสูญเสียมรรคาจักรพรรดิในการควบคุมความเป็นไปของจักรวาล
แต่ความแข็งแกร่งของขั้นพลังยังคงอยู่ ยิ่งเมื่อรวมกับเต๋าแห่งสวรรค์ที่บรรลุขอบเขตผู้ปกครองย่อมสามารถต่อกรกับราชันเทพมารได้แน่นอน
‘ นี่ฉันย้อนเวลากลับมาเพื่ออะไร ต่อให้สามารถกำจัดเต๋าแห่งสวรรค์ได้สำเร็จ แล้วจะอาศัยอะไรไปต่อกรกับราชันเทพมารที่มีพลังมากกว่าอดีตหลายเท่ากัน ’
ตอนนี้เจ้าเทียนได้เข้าใจคำพูดประโยคสุดท้ายของพระยูไลแล้ว ที่ว่า…
‘ การที่จะได้รับบางสิ่ง ก็ย่อมต้องยอมสูญเสียบางอย่างไปเช่นกัน ไม่มีใครฝืนชะตากรรมนี้ได้ ‘
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน