เทพแห่งสงคราม ฉายานี้เทพแอรีสได้รับมาจากการเป็นผู้พิชิตสมรภูมินับร้อยพัน ถึงแม้จะมีบางครั้งที่ต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เขาก็ไม่เคยหวาดกลัวหรือคิดหลบหนี ทำให้เขาถูกจัดเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส ด้วยความสามารถล้วนๆไม่ใช่ที่ชาติกำเนิด
แต่ทว่า ด้วยนิสัยที่บ้าคลั่งในการต่อสู้นี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่เทพแอรีสชื่นชมผู้แข็งแกร่งและดูถูกผู้อ่อนแอ สำหรับตัวเขาแล้ว สรรพสิ่งทุกอย่างในจักรวาลล้วนมีบทบาทหน้าที่ของมัน หนูไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะพญาราชสีห์ได้
จากมุมมองของเทพแอรีส เหล่าเทพทุกคนที่จุติร่างอวตารลงมา ล้วนแต่มีพลังที่แท้จริงอยู่ในระดับเทพโลกาขั้นเจ็ดขึ้นไป ถ้าไม่ถูกตั้งข้อจำกัดผูกมัดเอาไว้ แค่หนึ่งในพวกเขาใช้ร่างทิพย์ดีดนิ้วใส่เบาๆ โลกมนุษย์ก็คงถูกบดขยี้เป็นผุยผงทันที
ดังนั้น ศัตรูที่คู่ควรในสายตาของเทพแอรีส จึงมีเพียงสามผู้นำพันธมิตรแห่งแดนสวรรค์ ส่วนมนุษย์โลกที่แสนอ่อนแอไม่ต่างไปจากหนอนแมลง ไม่ควรค่าให้เขาให้ความสนใจแม้แต่น้อย
จึงเป็นเหตุผล ที่เทพแอรีสคิดว่าคำพูดของจ้าวเทียนเป็นเรื่องที่น่าตลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา คิดร่วมการต่อสู้ของเทพเจ้างั้นหรือ ตีค่าตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า
น่าเสียดาย…ดูเหมือนความคิดนี้ของเทพแอรีสคงจะอยู่ไม่นานนัก
“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”
“ หมัดสองถล่มนภา! ”
เมื่อเคล็ดวิชาถูกปลดปล่อยออกมา ร่างกายของเทพแอรีสก็ถูกเสี้ยวมรรคาจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ตรึงเอาไว้ ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้
จากนั้น
เพล้ง!
เสียงเหมือนกระจกแตกดังขึ้น ก่อนที่เงาหมัดขนาดใหญ่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง จะพุ่งทะลวงลงมาจากสวรรค์ ทำให้ท้องฟ้าเหมือนกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ บัดซบ หนอนแมลงชั้นต่ำอย่างเจ้ากล้าโจมตีใส่ข้างั้นรึ ”
บูมมม!
เทพแอรีสระเบิดพลังทั้งหมดออกมาด้วยความเดือดดาล รูปร่างสูงใหญ่ขึ้นเกือบสามเมตร กล้ามเนื้อของเขาโป่งพองขยายขนาดขึ้นเกือบสองเท่า เหมือนราชันนักรบคลั่งที่ดุดันน่าเกรงขาม
นี่คือการหลอมรวมแก่นแท้แห่งพลัง เข้ากับเคล็ดกายาลับขอบเขตเทวะ ทั้งพละกำลังและความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าในระยะเวลาหนึ่ง
และด้วยการปะทุพลังอย่างรุนแรงในเสี้ยววินาทีนี้เอง ทำให้เขาสามารถทลายขีดจำกัดพันธนาการที่ตรึงความเคลื่อนไหวของตนเองได้
“ หมัดเทพเจ้าสงคราม! ”
เปรี้ยงงง!
สำหรับเทพแอรีสแล้ว การโจมตีสวนกลับไปคือการป้องกันที่ดีที่สุด เมื่อเคล็ดวิชาหมัดอันดิบเถื่อนที่อาศัยพละกำลังเหนือขีดจำกัด ปะทะเข้ากับเงาหมัดที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง มันก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ตูมมมมมม! เพล้งงงง!
กำแพงมิติพังทลายเป็นวงกว้าง ท้องฟ้าเหมือนถูกทุบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ จนเทพจุติหลายคนรีบเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีกันแทบไม่ทัน
มีเพียงผู้ที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น ถึงจะกล้ายืนเผชิญหน้ากับผลกระทบจากคลื่นพลังทำลายล้างตรงๆ
ทันใดนั้น
รังสีกระบี่นับหมื่นก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มันหลอมรวมกันเปลี่ยนเป็นกระบี่ขนาดยักษ์ฟันใส่ศีรษะของเทพแอรีสอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! ตูมมม!
แม้จะประสานมือป้องกันไว้ทัน แต่ร่างของเทพแอรีสก็ยังถูกกระแทกตกจากท้องฟ้าเหมือนดาวหางลงไปยังพื้นโลก เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่มองไม่เห็นก้น ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของทุกคนที่ได้เห็น
หืม!
“ เป็นไปไม่ได้ มนุษย์คนนี้ทำให้เทพสงครามร่วงจมพสุธาได้งั้นเหรอ ”
“ โกหกใช่ไหม แม้จะถูกลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มัน… ”
“ ถ้าวัดกันที่พลัง แม้แต่พวกเราสิบคนยังทำให้เทพสงครามถอยไปซักก้าวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผู้ฝึกตนมนุษย์รุ่นเยาว์แบบนี้ทำได้อย่างไร ”
เมื่อผลลัพธ์ปรากฏขึ้น เหล่าเทพที่เคยดูถูกจ้าวเทียนก่อนหน้า ก็ได้จ้องมองเขาด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากเทพแอรีสตกเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นหนึ่งในสิบผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ก็ว่าไปอย่าง แต่นี้เป็นแค่มนุษย์บนโลก ที่ไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติขึ้นไปบนแดนสวรรค์ด้วยซ้ำ
“ ดีมาก ข้ายังไม่ทันไปหาเจ้า แต่กลับเสนอหน้ามารับความตายเองเลยงั้นรึ ” นาจาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้จะรู้สึกตกใจในพลังของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ก็ยังมั่นใจว่าตนเองเหนือกว่าแน่นอน
อีกทั้งการสังหารจ้าวเทียนและพวกพ้องของเขาทุกคน ก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่นาจาต้องทำให้สำเร็จเช่นกัน
“ ฉวยโอกาสที่จ้าวเทียนกำลังดึงดูดความสนใจ พวกเรารีบถอยกลับไปตั้งหลักที่ศูนย์บัญชาการของพวกเจ้าเถอะ อย่างน้อยก็ยังพอรักษาขุมกำลังส่วนหนึ่งไว้ได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน