ตอนนี้ภายในใจของจ้าวเทียนรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เพราะตัวเขาได้ขาดการติดต่อกับคังหลินมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
ซึ่งมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นแค่สองกรณี ข้อแรกคือตกอยู่ภายใต้เขตอาคมปิดกั้นระดับสูงมาก ส่วนอีกข้อก็คือผู้ที่ติดต่อด้วยกำลังหมดสติหรือถูกสังหาร
‘ ฉันไม่น่ารีบร้อน รายงานเรื่องราชันเทพมารให้อาจารย์ปู่ได้รู้เลย ถ้าเดาไม่ผิดเวลานี้ท่านคงยังอยู่ที่แดนสุขาวดีซึ่งถูกตัดขาดจากจักรวาลทั้งหมด ต่อให้ศิษย์พี่รองทำลายลูกเกาทัณฑ์ก็อาจจะไม่ได้ผล ’
พอลองคิดดู เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนถูกจัดฉากขึ้นโดยเต๋าแห่งสวรรค์ อีกฝ่ายหลอกใช้แดนสุขาวดีเพื่อดึงความสนใจโฮ่วอี้ แล้วเล็งเป้าหมายมาที่ศิษย์หลักของสำนักดาราสวรรค์โดยเฉพาะ
ตราบใดที่เขาหรือหลินซูซินถูกสังหาร ท่านอาจารย์ก็จะเกิดบาดแผลในจิตใจ เปิดโอกาสให้เต๋าแห่งสวรรค์สามารถใช้ช่องโหว่ตรงนี้เข้าควบคุมเธอได้
“ สีหน้าแบบนั้น คงเชื่อในวาจาของข้าแล้วสินะ จะยอมถอยออกไปดีๆหรือต้องรอให้ครอบครัวของเจ้ากลายเป็นศพก่อนถึงจะรู้สำนึกล่ะ ” นาจาพูดย้ำขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นเหยียบกงล้ออัคคีเตรียมตัวหลบหนีออกไปจากวงล้อมเพียงผู้เดียว
ตอนนี้เจดีย์ทองคำเจ็ดชั้นของนาจายังคงได้รับความเสียหายอยู่ ทำให้ไม่อาจพาคนอื่นๆหนีไปพร้อมกันได้ จึงต้องยอมละทิ้งเจ็ดขุนพลเทพกับตัวแทนของสำนักอื่นๆไปก่อน
เพราะหากยิ่งปล่อยให้เวลายืดยาวออกไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงกับการที่อีกฝ่ายจะรู้ความจริงมากขึ้นเท่านั้น
‘ หากพวกมันรู้ว่า แม่ทัพเอ้อหลางไม่คิดจะปล่อยให้มีใครรอดชีวิต ตัวข้าเองก็คงถูกสังหารเช่นกัน ’
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามปล่อยให้นาจาเอาแผ่นหินโกลาหลกลับไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเราเกิดปัญหาแน่ ” เทพโอดินร้องตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นนาจากำลังจะปลดค่ายกลผนึกมิติเพื่อหลบหนี
“ …… ” จ้าวเทียนยังคงยืนเงียบ ไม่ได้สนใจคำพูดของเทพโอดินแม้แต่น้อย
“ เอ่อ คือ… ” เทพโอซีริสกับเทพอามาเทราสุหันมาสบตากันด้วยความลำบากใจ เพราะจิตวิญญาณของพวกเขาถูกจ้าวเทียนควบคุมไว้ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่อนุญาตก็ไม่อาจทำอะไรตามใจได้
แวบ!
ค่ายกลผนึกมิติได้สลายไปแล้ว แต่จ้าวเทียนก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขวางนาจาแม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่แผ่นป้ายในมือ เหมือนครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้นมาแทน
“ เหอะ หนี้ครั้งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้คืนเป็นสิบเท่าแน่นอน คอยดูไปเถอะ ” นาจาพูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเปิดช่องว่างมิติเพื่อหลบหนี
“ บัดซบเอ๊ย ข้าไม่มีทางปล่อยแกไปหรอก ” เทพโอดินปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าไว้
ตูมมม!
หอกในมือของทั้งสองฝ่ายปะทะกันหนึ่งครั้ง เกิดเป็นคลื่นเปลวเพลิงระเบิดออกมารอบด้าน จากนั้นร่างของเทพโอดินก็ถูกกระแทกถอยกลับมา เนื่องจากได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ก่อนจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนั้น ยังคิดจะมาหยุดข้างั้นเหรอ ” นาจาพูดขึ้นอย่างดูถูก ก่อนจะรีบเปิดช่องว่างมิติอีกครั้ง
แต่ทว่า
“ ฉันอนุญาตให้แกไปหรือยัง ”
เปรี้ยงง! ตูมม!
เพียงแค่จ้าวเทียนปล่อยหมัดออกไป คลื่นเปลวเพลิงสีทองก็ระเบิดใส่ช่องว่างมิติอย่างรุนแรง ทั้งยังกระแทกใส่นาจาจนกระเด็นถอยหลังไปเกือบสิบเมตร
จากนั้น
ร่างของจ้าวเทียนก็ผ่ามิติเข้าประชิดตัวฝ่ายตรงข้าม สัญลักษณ์พระอาทิตย์สีทองเปล่งประกายเจิดจ้า ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไปในการโจมตีครั้งเดียว
“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”
“ หมัดสองถล่มนภา! ”
เมื่อเคล็ดวิชาถูกปลดปล่อยออกมา ร่างกายของนาจาก็ถูกเสี้ยวมรรคาจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ตรึงเอาไว้ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในการรบ เขาจึงรีบใช้จิตสั่งการห่วงจักรวาลให้ปกคลุมร่างกายแล้วหมุนวนอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า เกิดเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งป้องกันศัตรู
เพล้ง!
เสียงเหมือนกระจกแตกดังขึ้น ก่อนที่เงาหมัดขนาดใหญ่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง จะพุ่งทะลวงลงมาจากสวรรค์ ทำให้ท้องฟ้าเหมือนกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เปรี้ยงง! ตูมม!
เมื่อเกราะคุ้มกันที่เกิดจากอาวุธระดับพระเจ้า ปะทะเข้ากับเงาหมัดที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง มันก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
“ นี่เจ้า ไม่ห่วงชีวิตคนในครอบครัวหรืออย่างไร ถึงกล้าโจมตีใส่ข้า ” นาจาพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ ร่างของเขาปลิวกระเด็นลงมาจากบนฟ้า แม้จะสามารถป้องกันเอาไว้อย่างเต็มกลืน ห่วงจักรวาลก็ยังได้รับความเสียหายบางส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน