จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 474

กลางดึกภายในห้องพักส่วนตัว จ้าวเทียนนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ในท่าทางผ่อนคลาย ในมือข้างหนึ่งของเขากำลังหมุนเหรียญสีทองสลับไปมาระหว่างนิ้วทั้งห้า นี่คือกุญแจคลังสมบัติลับของจักรพรรดิเทพหมื่นตะวัน

ซึ่งจ้าวเทียนมารู้ภายหลังว่า คลังสมบัติลับนี้สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นแรก มันได้รวบรวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนโอสถล้ำค่าและสมบัติลับในตำนานเอาไว้ตั้งแต่ยุคก่อเกิดเอกภพ จนถึงการล่มสลายของแดนสวรรค์บรรพกาล

ขุมทรัพย์มรดกตกทอดที่ผ่านการสั่งสมความมั่งคั่ง มาตลอดระยะเวลาหลายพันล้านปี มันจะน่าตื่นตาตื่นใจสักเพียงใดกันนะ แค่คิดถึงก็เหมือนมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในกลางอกแล้ว

‘ จากการชี้นำของกุญแจ ไม่นึกเลยว่าตำแหน่งที่ตั้งของคลังสมบัติลับจะอยู่ตรงใจกลางหลุมลึกอเวจีชั้นที่ลึกที่สุด ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของพิภพแดนมาร แต่ด้วยขอบเขตพลังของฉันในตอนนี้อย่าว่าแต่ชั้นสุดท้ายเลย แค่ชั้นแรกก็ยังฝ่าเข้าไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ’

เรื่องนี้ต้องโทษที่ความโชคร้ายของจ้าวเทียนเอง เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของคลังสมบัติลับจะสุ่มย้ายสถานที่ไปทุกๆสิบปีทั่วทั้งจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด เพื่อป้องกันการสุ่มใช้พลังตรวจสอบของผู้บรรลุแก่นแท้แห่งการทำนายระดับสูง

โดยในครั้งนี้เอง มันก็เพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่หลุมลึกอเวจีได้เพียงสองเดือนเท่านั้น หากจ้าวเทียนยอมทิ้งโอกาสไปแล้วรอครั้งหน้า เขาก็ต้องรอไปเกือบสิบปีเลยทีเดียว ซึ่งนั่นมันก็คงจะสายเกินไปเนื่องจากข่าวร้ายที่โฮ่วอี้ได้นำมา

“ พระยูไลตัดสินใจเข้าร่วมกับมหาเทพอวี่หวง ในศึกตัดสินชะตากรรมระหว่างสองจักรพรรดิเทพ ”

ถึงแม้จ้าวเทียนจะพอคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆก็ได้สร้างความกดดันให้กับตัวเขาและสำนักดาราสวรรค์เป็นอย่างมาก

ซึ่งทางเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ได้ ก็คงต้องฝากความหวังเอาไว้ที่คลังสมบัติลับจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันเท่านั้น

สามวันต่อมา ณ หลุมลึกอเวจีชั้นสิบแปด

ภายในโลกที่เต็มไปด้วยทะเลทรายสีแดงก่ำดุจโลหิตและเศษซากมหานครโบราณ บรรยากาศอันดำมืดและชั่วร้ายของสถานที่แห่งนี้ เป็นเหมือนพิษร้ายสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

มีเพียงมารอสูรที่สืบทอดสายเลือดอันบ้าคลั่งจากเทพมารยุคบรรพกาลเท่านั้น จึงจะอาศัยอยู่ในนรกแห่งนี้ได้โดยไม่ถูกครอบงำไปเสียก่อน

และในตอนนี้เอง ก็ได้มีสงครามขนาดใหญ่เกิดขึ้น ขุมอำนาจสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยอานุภาพที่แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ จนสามารถพบเห็นเศษซากศพถูกเผาไหม้แล้วแหลกสลายกลายเป็นผุยผงได้ทั่วทั้งสนามรบ

กองทัพมารร้ายนับแสนนับล้านกองแล้วกองเล่า ได้พุ่งเข้าห้ำหั่นกันด้วยความกระหายเลือดอย่างไม่ขาดสาย นี่เป็นสงครามที่แทบจะกวาดเอานรกชั้นสิบแปดเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด

ในศึกระหว่างสองราชันแห่งหลุมลึกอเวจี ผู้ชนะจะได้ปกครองทุกสิ่งและได้รับการสืบทอดพลังจากจักรพรรดิเทพมารองค์ปัจจุบัน กลายเป็นผู้ที่อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่อยู่เหนือมวลมารนับแสนล้าน

เวลานี้ ราชันมารทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ตรงกึ่งกลางของสนามรบ ภายในวงล้อมของเหล่าแม่ทัพมารและขุนพลทหารมารนับล้าน เนื่องจากทั้งคู่ต่างมีขอบเขตมารโลกาขั้นเก้าระดับสูงสุด จึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปแทรกแซง

“ ฮา ฮ่าๆ วานรมารแปดกร บัดนี้แขนทั้งแปดข้างของเจ้าถูกข้าทำลายไปสี่ กระบองโลหิตของเจ้าก็โดนขวานของข้าสับเป็นชิ้นๆไปแล้ว เจ้ายังจะสู้ให้เสียเวลาไปทำไมกัน รีบคุกเข่ายอมแพ้ข้าได้แล้ว ”

ราชันมารทมิฬตรีเนตรเปล่งเสียงหัวเราะดังก้องไปทั้งสนามรบ มันยืนอยู่กลางอากาศ ใช้มือขวาโบกสะบัดขวานสงครามขนาดใหญ่ที่มีโลหิตสีดำชโลมอยู่ด้วยท่าทีข่มขวัญ

ด้านล่าง ภายในหลุมลึกกว้างใหญ่คล้ายโดนอุกกาบาตพุ่งชน ร่างอันมหึมาของราชันวานรมารแปดกร ค่อยๆฝืนยืนขึ้นมาอย่างลำบาก มันได้รับบาดเจ็บหนักแขนสี่ข้างฉีกขาดเลือดสีดำกระจายไปทั่ว

“ ไอ้มารสามตา อย่าปากดีไปนักเลย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ก็เป็นเพราะขวานเล่มนั้น ได้ยินมาว่าเจ้าถึงขั้นบูชายัญสายโลหิตทั้งเก้ารุ่นให้บรรพชนเทพมารเลยนี่ เป็นอย่างไรบ้างความรู้สึกที่สูญสิ้นลูกหลานมันยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหม ” ราชันวานรมารแปดกรตะโกนใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างดุดัน

“บัดซบ จะตายอยู่แล้วยังจะกล้าปากดีอีกรึ” ราชันมารทมิฬตรีเนตรสบถขึ้นด้วยความโมโห

“ เหอะ ต่อให้เจ้ามีอาวุธเทพมารบรรพกาลแล้วอย่างไร ยังไงซะ ผู้ที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายก็ต้องเป็นข้า ส่วนเศษสวะอย่างเจ้าก็จงกลายเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้ข้าเสียเถอะ ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน