เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรนั้น มีความได้เปรียบทางด้านความแข็งแกร่งที่มีมาแต่กำเนิด โดยเฉพาะตนที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อย่างอสูรเทวะ ก็ยิ่งทรงพลังเหนือไปกว่าเผ่าพันธุ์อื่นหลายเท่านัก
ตราบใดที่มีทรัพยากรและระยะเวลาให้เติบโตมากพอ ถึงแม้จะไม่ต้องฝึกฝนก็ยังสามารถบรรลุขอบเขตขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับบรรพบุรุษได้แน่นอน
นอกจากนี้ เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรยังมีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยอมจำนนต่อผู้ใดอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะซื่อสัตย์กับคนผู้นั้นไปจนวันตาย ไม่มีทางทรยศหักหลังเด็ดขาด
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัวตนระดับสูงบนแดนสวรรค์ มีความต้องการที่จะจับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาทำพันธสัญญาอสูรรับใช้ ดังเช่นมหาเทพอวี่หวงกับราชันมังกรฟ้าบรรพกาล หรือเทพเอ้อหลางกับสุนัขสวรรค์เห่าฟ้า
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เกิดจากพันธสัญญาอสูรนั้น ในหนึ่งชีวิตจะทำได้เพียงครั้งเดียวและจะผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าบิดามารดา ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจะกล้าทำพันธสัญญานี้กับผู้ใด ส่วนมากจะยอมตายเสียดีกว่ายอมจำนน
แต่ทว่า ในครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษอย่างแท้จริง อันดับแรกเลยก็คือ จ้าวเทียนได้ถ่ายทอดพลังชีวิตรักษาอาการบาดเจ็บให้เด็กหญิงทั้งสองตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จึงเกิดเป็นความผูกพันใกล้ชิดขึ้น
และเมื่อพวกเธอถือกำเนิดออกมา จ้าวเทียนก็ได้มอบแก่นแท้โลหิตหยางบริสุทธิ์ของตนเองให้อีก ซึ่งก็เท่ากับว่าภายในร่างกายของเด็กหญิงทั้งสองได้มีโลหิตของเขาไหลเวียนอยู่ส่วนหนึ่ง
จึงไม่แปลกที่เด็กหญิงทั้งสองจะยอมจำนนต่อจ้าวเทียนโดยสมบูรณ์ และช่วงเวลานั้นก็คงจะเผลอทำพันธสัญญาอสูรรับใช้ไปตามสัญชาตญาณ
“ ฉันต้องขออภัยด้วย สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ” จ้าวเทียนรู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะคงไม่มีมารดาคนไหนหรอก ที่จะไว้ใจมอบชีวิตของบุตรสาวตนเองให้กับชายหนุ่มแปลกหน้า ทั้งที่เพิ่งจะพบกันได้ไม่ถึงชั่วโมง
“ นี่ข้า ควรจะทำเช่นไรต่อไปดี ” ปิงกู่เหนียงเหนียงถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ด้วยสติปัญญาของเธอย่อมเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของจ้าวเทียนแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังคิดหาทางออกอย่างเคร่งเครียด เด็กหญิงทั้งสองกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
พวกเธอเริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนตัวของจ้าวเทียนด้วยความซุกซน ทั้งยังหัวเราะคิกคักกันอย่างสุนกสนาน นี่เป็นธรรมชาติของเผ่ากิเลนวัยเยาว์ซึ่งมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่พวกเธอรู้สึกใกล้ชิดด้วย
“ ท่านพ่อ มีกลิ่นหอมจังเลย ” ปิงกู่ลั่วที่ปีนขึ้นไปถึงศีรษะก่อน ได้สูดดมเส้นผมของจ้าวเทียนเล่น จนเขาต้องคว้าตัวเธอลงมาอุ้มไว้แนบอก
ชิ้งง!
เด็กหญิงจ้องมองจ้าวเทียนด้วยความใสซื่อ ทั้งเขากิเลนอันเล็กๆบนศีรษะและดวงตาสีทับทิมของเธอที่บริสุทธิ์ใสกระจ่างเหมือนทารกแรกเกิด ช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง จนเขาเกิดความรู้สึกที่อยากจะใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มอันเนียนนุ่มนั้นเบาๆ
แผล่บ!
ปิงกู่เยว่ที่เกาะอยู่บนไหล่ ได้ยื่นหน้าเข้ามาเลียแก้มของจ้าวเทียนด้วยความสนิทสนม ราวกับลูกหมาตัวน้อยกำลังอ้อนเจ้านาย
ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับฝืนยิ้มขึ้นมา ที่ตนเองเผลอลืมตัวไปเพราะความน่ารักของเด็กหญิงทั้งสอง
“ เอ่อ ฉันต้องออกไปแล้ว พวกคุณรออยู่ในนี้แล้วกัน ” จ้าวเทียนรีบคว้าตัวบุตรีส่งคืนมารดาอย่างรนรน ก่อนจะหันหลังเปิดช่องว่างมิติออกไปทันที
วูป!
“ ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ ” ปิงกู่เหนียงเหนียงมองตำแหน่งที่จ้าวเทียนจากไปด้วยรอยยิ้มขบขัน จากนั้นเธอก็ก้มมองบุตรีในอ้อมแขนแล้วถามขึ้นต่อ
“ พวกเจ้า ชื่นชอบพี่จ้าวเทียนขนาดนี้เลยงั้นรึ ”
“ ท่านแม่ ให้เขาเป็นท่านพ่อไม่ได้เหรอ ” ปิงกู่ลั่วกับปิงกู่เยว่พูดขึ้นพร้อมกัน ราวกับเป็นความต้องการที่ออกมาจากส่วนลึกในจิตใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน