ณ ตำหนักชั้นในสำนักดาราสวรรค์
ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ที่ดูโอ่โถงหรูหรา จ้าวเทียนกำลังนั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะน้ำชาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ถึงแม้วัสดุส่วนใหญ่ภายในห้องจะถูกสร้างจากไม้จิตวิญญาณอายุหลายแสนปี ซึ่งมีส่วนช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกผ่อนคลาย แต่ตอนนี้มันกลับไม่ส่งผลกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย สืบเนื่องจากบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอง
“ ท่านลุง สูงอีกๆ โยนข้าสูงๆเลย คิกคิก ”
“ ได้เลยองค์หญิงน้อย สูงๆแบนี้ใช่ไหม ฟิ้วววว ”
ปิงกู่ลั่วหัวเราะออกมาด้วยความร่าเริง เมื่อถูกคังหลินจับตัวโยนขึ้นไปสูงเกือบสามสี่เมตรหลายครั้งติดต่อกัน มันทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น จนหางกิเลนตรงสะโพกของเธอโบกสะบัดไปมา
“ ท่านพ่อ อ้ามมมม ” ปิงกู่เยว่ที่นั่งอยู่บนตักจ้าวเทียน ใช้มือเล็กๆหยิบขนมชิ้นใหญ่ป้อนให้เขาอย่างน่าเอ็นดู
“ เอ่อ…ได้ซิ อ้ามมม ” แม้จ้าวเทียนจะไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำตามความต้องการของเด็กหญิงอย่างชั่วไม่ได้
ส่วนเรื่องที่ให้เด็กทั้งสองหยุดเรียกเขาว่าพ่อนั้น จ้าวเทียนได้ยอมแพ้ไปนานแล้ว เพราะถ้าหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเมื่อไหร่ พวกเธอทั้งคู่ก็จะเริ่มร้องให้งอแงทันที ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจไปด้วย เนื่องจากพันธสัญญาแห่งชีวิตที่เชื่อมโยงถึงกัน
“ ศิษย์พี่รอง นี่มันหมายความว่าไง ฉันจำได้ว่าแค่บอกให้คุณตามผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงมาอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ ” จ้าวเทียนรีบกลืนขนมในปากแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ ใจเย็นก่อนซิ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอ ว่าหนทางนี้มันดีที่สุดแล้วในการปกป้องพวกนางทั้งสามคน ” คังหลินพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พร้อมทั้งหยิบขนมบนโต๊ะป้อนเข้าใส่ปากปิงกู่ลั่วที่กระโดดหมุนตัวลงมาขี่คอเขา
“ ปกป้องงั้นเหรอ คุณก็รู้ดีนี่ว่าศัตรูของพวกเราคือใคร แล้วยังจะดึงพวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เอาล่ะ มีเหตุผลอะไรก็รีบพูดออกมา ไม่อย่างนั้น อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ” จ้าวเทียนพูดขัดขึ้นทันที เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังความจริงบางอย่าง
“ ศิษย์น้อง เหตุใดต้องอารมณ์เสียด้วย หรือจะเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบใจองค์หญิงน้อยทั้งสองใช่ไหม ”
!!
สิ้นเสียง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เด็กหญิงทั้งสองหยุดเล่นสนุกแล้วหันมาจ้องมองจ้าวเทียนพร้อมกัน โดยเฉพาะปิงกู่เยว่ที่นั่งกินขนมอยู่บนตักจ้าวเทียน ถึงกับทำขนมในมือตกลงไปบนฟื้นทันที
“ ท่านพ่อ ไม่ชอบพวกเราเหรอ ”
ประโยคคำถามนี้เปรียบเสมือนฟ้าฝ่ากลางใจจ้าวเทียน และยิ่งเขาได้เห็นใบหน้าน้อยๆที่เริ่มหมองคล้ำลง กับดวงตากระจ่างใสที่กำลังจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มันก็ได้ทำให้จิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผาของเขาต้องพังทลายลง
สุดท้าย จ้าวเทียนจึงถอนหายใจเบาๆแล้วฝืนยิ้มขึ้น พร้อมกับลูบหัวปิงกู่เยว่ที่นั่งอยู่บนตักอย่างอ่อนโยน รวมไปถึงปิงกู่ลั่วที่วิ่งเข้ามาหาด้วย
“ ฉันก็ต้องชอบพวกเธออยู่แล้วซิ เพียงแค่รู้สึกกังวลถึงความปลอดภัยในอนาคตก็เท่านั้น ”
“ จริงๆนะ ท่านพ่อจะไม่ทิ้งพวกเราไปใช่ไหม ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ด้วยความที่เป็นคู่แฝด ทำให้ความคิดของพวกเธอเหมือนจะเชื่อมโยงถึงกันในบางเวลา
“ จริงซิ ฉันจะไม่มีวันทิ้งพวกเธอแน่นอน อาจมีบ้างครั้งที่พวกเราต้องห่างกันบ้าง แต่นั่นก็เพื่อประโยชน์ของตัวพวกเธอเอง ” จ้าวเทียนเลือกที่จะบอกกล่าวตามตรง ซึ่งเด็กหญิงทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจเหตุผล
แม้พวกเธอจะชอบเล่นสนุกซุกซนไปบ้าง แต่ด้วยความทรงจำและความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากมารดา ทำให้มีความเฉลียวฉลาดเหนือกว่ารูปลักษณ์ที่แสดงให้เห็นหลายเท่า
“ พวกเราขอสัญญา ว่าจะรีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือท่านพอต่อสู้กับศัตรู ”
ได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง พร้อมกับอุ้มเด็กหญิงทั้งสองขึ้นมากอดด้วยความหมั่นเขี้ยว ซึ่งพวกเธอก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ทั้งแอบยังหอมแก้มเขาทั้งสองข้างพร้อมกัน
“ ฮัลโหล ตำรวจอยู่ไหน ที่นี่มีคนกำลังล่อลวงผู้เยาว์ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน