จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 507

ก่อนหน้านี้จ้าวเทียนได้วางแผน ล่อผู้แข็งแกร่งจากราชวงศ์จักรพรรดิโลกอสูรออกมาเพื่อสังหารทิ้ง ซึ่งนอกจากจะเป็นการตัดกำลังฝ่ายศัตรูที่ได้ผลดีเยี่ยมแล้ว ยังถือเป็นการเพิ่มจำนวนกองทัพแมลงของเขาอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง

เพราะหากกลับไปโลกมนุษย์ ศัตรูส่วนใหญ่ของเขาก็มีแต่พวกร่างอวตารหรือร่างแยกผู้ฝึกตนจากแดนสวรรค์ทั้งนั้น มันไม่ค่อยมีประโยชน์กับเผ่าพันธุ์แมลงมารกลืนวิญญาณเท่าไหร่

‘ ต้องขอบคุณโจรสลัดอวกาศพวกนั้น ที่ทำให้ฉันได้รับกองทัพแมลงเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เอาไว้เกือบสามเท่า ’

หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและกลืนกินศัตรูที่แข็งแกร่งไปมากมาย ในจำนวนแมลงห้าแสนตัวชุดใหม่ที่เหลือรอด

ก็มีถึงร้อยห้าสิบตัวยกระดับจากขอบเขตปราณนภา ขึ้นเป็นขอบเขตแดนเทพโดยไม่ต้องกลืนกินพวกเดียวกันเอง นี่ถือเป็นการก้าวกระโดดถึงสามขอบเขตใหญ่เลยที่เดียว

และที่สำคัญที่สุด พวกแมลงชุดแรกที่รอดกลับมาแปดสิบตัวได้ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกมันมีขีดความสามารถในการสังหารตัวตนระดับสูงในโลกมนุษย์แบบตรงๆ ไม่จำเป็นต้องอาศัยพวกพ้องแต่อย่างใด

ถึงแมลงมารกลืนวิญญาณ จะไม่อาจบรรลุแก่นแท้หรือครอบครองเคล็ดวิชาระดับสูง แต่ด้วยพละกำลังที่เหนือล้ำและพลังจิตอันแข็งแกร่ง รวมไปถึงคมเขี้ยวแหลมคมที่สามารถฉีกกระชากได้เกือบทุกสิ่ง ทำให้พวกมันต่อกรกับเทพสวรรค์ที่จุติลงมาได้ไม่ยาก

( หมายเหตุ จ้าวเทียนได้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งของแมลงกลืนวิญญาณกับระดับการฝึกตนเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ แท้จริงแล้วแมลงพวกนี้อาศัยการกลืนกินศัตรูเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตนเอง พวกมันเลยไม่ได้อยู่ในขอบเขตไหนทั้งนั้น )

‘ ไม่รู้ว่าข้อจำกัดพลังบนโลกมนุษย์จะมีผลต่อแมลงพวกนี้หรือเปล่า ไว้กลับไปฉันคงทดสอบดูอีกที ’

เพราะแมลงพวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลก เลยต้องอยู่ในเงื่อนไขที่จะถูกกฎเกณฑ์แห่งจักรวาลจำกัดพลังไว้ แต่พวกมันก็ไม่ได้ฝึกฝนวิถีเทพหรือวิถีเซียนเช่นเดียวกัน

จ้าวเทียนจึงไม่มั่นใจว่า ความแข็งแกร่งทางกายเนื้อของพวกมันจะถูกนับรวมเข้าไปในข้อจำกัดด้วยหรือเปล่า

หากไม่ใช่เพราะติดปัญหาข้อนี้ เขาคงให้พวกมันกลืนกินกันเองจนมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตเทพโลกาไปแล้ว

“ เก็บ! ”

สิ้นเสียง กองทัพแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกดูดหายเข้าไปในรังจักรพรรดินี ซึ่งลอยนิ่งอยู่ในพื้นที่จิตวิญญาณของจ้าวเทียนทันที

“ ตอนนี้ ก็เหลือแค่การต่อสู้ทางฝั่งนั้นสินะ ”

จ้าวเทียนพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับใช้สัมผัสวิญาณตรวจสอบสถานการณ์จากระยะไกล แม้ว่าตัวเขาจะได้รับการคุ้มครองจากหุ่นเชิดอีกาทองคำสามขา

แต่ในเมื่อฝ่ายหนึ่งคือเทพโลกาขั้นเก้าระดับสูงที่บ้าคลั่ง ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นหุ่นเชิดสุดแกร่งที่ต่อสู้ด้วยวิธีการดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ป่า การระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกลูกหลงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เปรี้ยง! ตูมมม!

ร่างของผู้นำอันดับสองถูกตบกระเด็น ไปกระแทกกับดาวดวงหนึ่งจนระเบิดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเสี่ยวมี่เฟิงที่กำลังจะตามเข้าไปซ้ำก็ถูกพายุคมมีดมิตินับล้านซัดกระหน่ำเข้าใส่จากทุกทิศทาง ไม่เปิดโอกาสให้ถอยหนี

“ นี่มัน ยัยเด็กโง่ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รักษาร่างนี้เอาไว้ดีๆ ”

จ้าวเทียนเผลอหลุดปากออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นเสี่ยวมี่เฟิงพุ่งใส่พายุคมมีดมิติโดยไม่เกรงกลัว ร่างของเธอเหมือนกระสุนปืนใหญ่ยิงตรงไปยังเป้าหมาย อาศัยสัญชาตญาณดิบและสองหมัดเปล่าเปลือยทำลายการโจมตีของศัตรูตรงๆ

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆ

ด้วยกายเนื้อที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุด ทั้งยังมีพละกำลังของสัตว์เทวะยุคบรรพกาล ทำให้หมัดทั้งสองของเสี่ยวมี่เฟิงสามารถบดขยี้สนามพลังมิติขวางกั้นออกเป็นเสี่ยงๆ

ตูมมมมม!

ร่างของเสี่ยวมี่เฟิงกระแทกเข้าใส่ศัตรูอย่างรุนแรง เธอใช้ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผลคว้าศีรษะของฝ่ายตรงข้ามพุ่งทะลวงต่อไปเป็นเส้นตรง แล้วฟาดใส่ดาวเคราะห์ทุกดวงที่ขวางทางจนระเบิดกระจาย

“ ฮ่า ฮา รีบตอบโต้มาซิ ทำให้ข้าสนุกยิ่งขึ้นกว่านี้ ”

ผัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆ

มือข้างหนึ่งจิกศีรษะของศัตรูไว้เหมือนคีมเหล็กจนปลายนิ้วทะลุผิวหนัง ส่วนมืออีกข้างก็กำเป็นหมัดชกใส่อย่างถี่รัว เกือบหนึ่งร้อยหมัดในเสี้ยววินาที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน