ณ เขตแดนชั้นนอกของสำนักดาราสวรรค์ อีกาทองคำสามขาได้พุ่งทะลวงรอยแยกมิติออกมา แล้วนอนหมอบนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของจ้าวเทียนก่อนที่จะหมดสติไป
“ ฮือ ฮือ ท่านพ่อฟื้นซิ ” ปิงกู่ลั่วกับปิงกู่เยว่ร้องให้สะอึกสะอื้น พวกเธอจับมือทั้งสองข้างของจ้าวเทียนเอาไว้แน่น และใช้พันธสัญญาชีวิตคอยถ่ายทอดพลังเข้าไปในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีองค์หญิงทั้งสองคอยป้อนโอสถฟื้นฟูให้
ส่วนเสี่ยวมี่เฟิงกับสององครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น จ้าวเทียนไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของพวกเขาออกสู่โลกภายนอก จึงให้พักรักษาตัวอยู่โลกมิติคลังสมบัติลับ
เดิมทีอาการบาดเจ็บของจ้าวเทียนก็เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญการตามล่าของศัตรูที่แข็งแกร่งถึงสี่คน ทั้งยังต้องฝืนใช้พลังเกินตัวตลอดระยะเวลาที่หลบหนี
ทำให้บาดแผลเขาฉีกขาดโลหิตหลั่งไหลโทรมกาย มีอาการทรุดหนักลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนแทบจะตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตายทุกเมื่อ
ครั้งนี้จ้าวเทียนประเมินความแข็งแกร่งของศัตรูต่ำไป ทั้งจิวโม่เฟิงและมารอสูรสามเขาล้วนเป็นผู้ที่เติบโตมาในดินแดนรกร้าง พวกเขาสร้างเริ่มตัวจากศูนย์โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรในแดนสวรรค์ หาใช่คู่ต่อสู้ที่จะไปตอแยได้โดยง่าย
หากไม่ใช่เพราะหลบหนีออกจากเขตแดนจักรวาลรกร้างทันเวลา และได้เด็กหญิงทั้งสองซึ่งเป็นอสูรในพันธสัญญาคอยถ่ายโอนพลังชีวิตช่วยเหลือ จ้าวเทียนอาจจะรักษาลมหายใจสุดท้ายเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ ผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามาในสำนักดาราสวรรค์กัน ”
สิ้นเสียงก็มีเงาร่างของกลุ่มผู้ฝึกตนหลายร้อยปรากฏขึ้น พวกเขาล้วนแต่เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีหน้าที่คุ้มกันค่ายกลชั้นนอกของสำนัก แต่ละคนมีพลังอยู่ในขอบเขตแดนเทพขั้นสูงไปจนถึงขอบเขตขุนพลเทพขั้นต้น
อาจเป็นเพราะรู้สึกหวาดกลัวอีกาทองคำสามขา พวกเขาเลยรักษาระยะห่างไม่ยอมเข้ามาใกล้ ทั้งยังรีบส่งสัญญาณให้เปิดใช้ค่ายกลป้องกันสำนักและขอกำลังเสริม
“ พวกท่านมัวทำสิ่งใดอยู่ นายน้อยจ้าวจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ ” อวิ๋นเซียงหยาตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน เธอรีบหยิบเอาแผ่นป้ายศิษย์หลักที่แขวนอยู่ข้างเอวจ้าวเทียน มาชูให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น
“ หืม ของสิ่งนี้ หรือว่าจะเป็น… ” ผู้นำกลุ่มศิษย์หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้ศิษย์ระดับล่างอย่างพวกเขาจะไม่มีโอกาสพบหน้าจ้าวเทียนมาก่อน แต่ต้องเคยเห็นแผ่นป้ายชนิดพิเศษ ที่เหล่าศิษย์หลักของเจ้าสำนักครอบครองอยู่แล้ว
“ รีบแจ้งเหล่าผู้อาวุโสเร็วเข้า นายน้อยสี่กลับมาแล้ว ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ”
ความเคลื่อนไหวของพวกเขาฉับไวเป็นอย่างมาก ไม่ถึงสองลมหายใจที่แผ่นหยกสื่อสารถูกใช้งาน ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา ก่อนที่ผู้อาวุโสระดับสูงสองคนจะรีบเข้ามาพาตัวพวกจ้าวเทียนไปอย่างร้อนรน
ณ เขตหวงห้ามสำนักดาราสวรรค์
หลินซินเยว่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ อุ้มจ้าวเทียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาไว้แนบอก โดยไม่ได้สนใจคราบโลหิตที่จะมาเปรอะเปื้อนร่างกายตน
วิ้งงงง!
หลินซินเยว่ค่อยๆลูบฝ่ามือที่เปล่งแสงสีทอง ไปยังบาดแผลของจ้าวเทียนอย่างแผ่วเบา ด้วยอานุภาพแห่งจักรพรรดิเทพคลื่นพลังทำลายล้างของฮั่วกงมู่ที่แฝงตัวอยู่ จึงถูกขับสลายออกไปย่างรวดเร็ว
“ บัวหิมะหมื่นปี ” หลินซินเยว่เอ่ยเสียงเบา
“ นี่ขอรับท่านอาจารย์ ” หลิวจงเสียนรีบหยิบดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์เก้ากลีบส่งให้ทันที นี่คือสมบัติล้ำค่าของสำนัก ที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูเส้นชีพจรที่เสียหายและยังช่วยสมานบาดแผลสร้างอวัยวะที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่
วูป!
เมื่อหลินซินเยว่เด็ดกลีบดอกบัวหนึ่งกลีบป้อนใส่ปากจ้าวเทียน ร่างของเขาก็เปล่งแสงสีทองออกมา ทั้งกระดูกซี่โครงที่แตกหักและอวัยวะภายในที่บอบช้ำ รวมไปถึงบาดแผลน้อยใหญ่ที่เกิดจากการต่อสู้ ก็ได้ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์เหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
“ เทียนเออร์ เจ้าฝืนตัวเองมากเกินไปแล้ว จงพักผ่อนให้สบายอยู่ในสำนักของพวกเราเถอะ เรื่องหลังจากนี้ปล่อยให้อาจารย์จัดการเอง ” หลินซินเยว่ใช้มือลูบไปที่ใบหน้าของจ้าวเทียนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะส่งตัวเขาลอยไปนอนบนเตียงหยก
เธอได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดให้จ้าวเทียนอยู่ในภาวะจำศีล เพื่อทำให้จิตวิญญาณที่อ่อนล้าของเขาฟื้นตัวเร็วขึ้น
“ ไหนลองบอกข้ามาซิ เรื่องทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ” หลินซินเยว่หันไปถามพวกอวิ๋นเซียงหยาที่คุกเข่าอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผิดกับที่แสดงออกก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ องค์จักรพรรดินี… ” อวิ๋นเซียงหยาถูกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก
กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับต่ำอย่างอวิ๋นเซียงหยาจะต้านทานไหว หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมาโดยไม่ปิดบัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน