เมื่อผู้ฝึกตนบรรลุสู่จุดสูงสุดของขอบเขตเทพโลการะดับเก้า พวกเขาจะสามารถสัมผัสถึงพลังงานโกลาหล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล
แต่น่าเสียดายที่ในยุคสมัยปัจจุบัน พลังงานเหล่านี้ลดน้อยถดถอยลงมาก ทั้งยังได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินที่ถูกควบคุมโดยเต๋าแห่งสวรรค์ ทำให้ยากแก่การนำมาใช้
ดังนั้น การที่เทพโลกาจะทลายขอบเขตจักรพรรดิเทพได้สำเร็จ ก็จะต้องเริ่มต้นจากหลอมรวมแก่นแท้ขั้นสูงตั้งแต่ห้าชนิดขึ้นไปให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อตระหนักรู้มหามรรคาจักรพรรดิแล้วใช้มันดูดซับพลังงานโกลาหลอีกต่อหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เองความแข็งแกร่งของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ นอกจากจะขึ้นอยู่กับพลังที่สั่งสมมาตั้งแต่เป็นเทพโลกาและจำนวนแก่นแท้ที่ใช้วิวัฒน์เป็นมหามรรคาจักรพรรดิแล้ว ยังขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการดูดซับพลังโกลาหลเพื่อเข้าใจกฎเกณฑ์แห่งจักรวาลอีกด้วย
ถ้าให้พูดกันตามตรง ในศึกตัดสินระหว่างมหาเทพอวี่หวงกับจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่นั้น ทั้งแดนสวรรค์และเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดินล้วนโน้มเอียงไปทางมหาเทพอวี่หวงเป็นผู้ชนะทั้งสิ้น เรื่องนี้ผู้แข็งแกร่งทั่วจักรวาลที่มีช่องทางรับรู้ข่าวสารต่างรู้ดี
เพราะนอกจากมหาเทพอวี่หวงจะได้รับผลึกวิญญาณโกลาหลสามก้อน หลังจากเอาชนะขุมกำลังต่างๆแล้วขึ้นปกครองแดนสวรรค์แล้ว
เขายังได้ดูดซับพลังงานโกลาหลเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งหมื่นปี แตกต่างจากจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ที่เพิ่งจะบรรลุขอบเขตได้เพียงสามถึงสี่เดือนเท่านั้น
ตามความเข้าใจของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ต่อให้จักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่จะแข็งแกร่งกว่าพวกตนจริง แต่ก็คงแตกต่างกันไม่มากนัก
นี่จึงเป็นเหตุผล ที่จักรพรรดิโลกอสูรรวมไปถึงเหล่าผู้นำกลุ่มโจรสลัด กล้าลงมือกับจ้าวเทียนแต่ไม่กล้ามีเรื่องกับวังสวรรค์ของมหาเทพอวี่หวง
แน่นอนว่า หลินซินเยว่ก็เข้าใจถึงข้อนี้ จึงทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก ศึกต่อสู้ตัดสินชะตากรรมยังไม่เกิดขึ้น อีกทั้งตัวเธอก็ยังมีชีวิตอยู่แท้ๆ แต่ยังมีคนกล้าคิดสังหารศิษย์รักของเธอ
แล้วถ้าในอนาคตเธอเกิดพ่ายแพ้สิ้นชีพไปล่ะ สำนักดาราสวรรค์จะไม่ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นเลยงั้นหรือ
“ ครั้งนี้ จะต้องให้ทั่วทั้งจักรวาลได้รับรู้ ตราบเท่าที่จักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่ยังคงอยู่ มันผู้ใดที่กล้าแตะต้องคนของข้าจะต้องมีจุดจบเช่นไร ”
นี่คือการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของหลินซินเยว่ แม้มันจะทำให้เธอต้องสูญเสียเวลาอันล้ำค่าและพลังที่สั่งสมมาในการเตรียมตัวรับศึกกับมหาเทพอวี่หวงก็ตามที
ในสถานการณ์ปัจจุบัน
พริบตาที่การโจมตีของเหล่าโจรสลัดหลายหมื่นคน สัมผัสกับฝ่ามือยักษ์แห่งกฎเกณฑ์ มิติเวลาก็บิดเบี้ยวเกิดเป็นหลุมดำดูดกลืนพลังทำลายล้างเข้าไปจนหมดสิ้น
ครืนนน!
ฝ่ามือยักษ์ได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของพวกโจรสลัดไร้ผลโดยสิ้นเชิง ทั้งยังทำให้เคล็ดวิชาของหลินซินเยว่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
“ บัดซบ พวกเราต้องลงมือเองแล้ว ” จิวโม่เฟิงรีบตะโกนออกมาอย่างร้อนรน ในมือเขาปรากฏดาบสองคมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาวุธคู่กายระดับครึ่งพระเจ้าขึ้น
“ ได้ จงสั่งให้เทพโลกาขั้นสูงแยกกันโจมตีไปที่นิ้วแต่ละนิ้ว ข้าเชื่อว่าพวกเราจะต้องค้นพบช่องโหว่ของเคล็ดวิชานี้ได้ไม่ยาก ” มารอสูรสามเขาพูดเสียงจริงจัง พร้อมกับทะยานร่างนำออกไปเป็นตนแรกทันที
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆ ตูม!ๆๆๆๆๆ
แผนการของมารอสูรสามเขาเหมือนจะได้ผล เพราะเมื่อกลุ่มโจรสลัดระดับสูง อันประกอบไปด้วยเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดสองคน เทพโลการะดับแปดสี่คนและเทพโลการะดับเจ็ดหกคน โจมตีไปที่นิ้วแต่ละนิ้วพร้อมกัน
ฝ่ามือยักษ์แห่งกฎเกณฑ์ก็ไม่สามารถดูดกลืนพลังไปใช้ได้ ทำให้มันเริ่มมีขนาดหดเล็กลงเรื่อยๆ แม้แต่กลิ่นอายความกดดันก็เริ่มสลายไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทันใดนั้น
“ ผสานกฎเกณฑ์ ก่อกำเนิดมรรคา ”
บูมมมม!
สิ้นเสียงหลินซินเยว่ ฝ่ามือยักษ์ก็รวบกำเป็นหมัดในพริบตา นี่คือการหลอมรวมของห้ากฎเกณฑ์ระดับสูงเป็นหนึ่งเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน