เมื่อร่างแยกของหลินซินเยว่จับตัวจักรพรรดิเซียวหยูกลับมา สถานการณ์ก็ตกอยู่ในความตรึงเครียดทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เซียวหมิงเทียนเพียงผู้เดียว เพราะการตัดสินใจของเขาจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ทุกอย่าง
แต่ทว่า ก่อนที่เซียวหมิงเทียนจะได้พูดอะไรออกมา ก็มีบางคนที่รู้สึกร้อนตัวจนทนไม่ไหว ชิงพูดปลุกปั่นสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
“ หลินซินเยว่ เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว หยามเหยียดพวกข้าไม่พอ ยังกล้าจับตัวจักรพรรดิของพวกข้ามาอีก ”
“ ใช่แล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ทุกท่านได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วยเถิด อย่าปล่อยให้นางใช้อำนาจในทางที่ผิดเยี่ยงนี้ ”
ผู้นำตระกูลหลักทั้งสามร้องตะโกนขึ้นเสียงดัง ราวกับต้องการเรียกร้องความเห็นใจและชักจูงคนอื่นๆให้มาร่วมกันต่อต้านหลินซินเยว่
“ หุบปาก! รังแกเกินไปงั้นรึ ใช้อำนาจในทางที่ผิดงั้นรึ แล้วทีเรื่องที่พวกเจ้าวางแผนสังหารลูกศิษย์ของข้าจนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสล่ะ ทำไม่พูดออกมาบ้าง ”
สิ้นเสียง สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ต้นสายปลายเหตุของปัญหาที่แท้จริงจนได้
“ ไม่แปลกใจเลย ที่หลินซินเยว่ลงมืออย่างดุดันขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนไปแตะโดนเกล็ดย้อนของนางเข้านี่เอง ” ราชันเทพโอดินพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ จักรพรรดิโลกอสูรสมองเลอะเลือนไปแล้วงั้นรึ ถึงกล้าไปกระตุกหนวดมังกรที่หลับใหล คอยดูไปเถอะ ข้าว่าเรื่องไม่มีทางจบง่ายๆแน่ ” เทพีอามาเทราสุพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ตามความคิดของเธอไม่แน่อาจะเกิดสงครามขึ้นมาเลยก็ได้
“ หลินซินเยว่ ไม่ซิ องค์จักรพรรดินีเทพคิดจะทำอย่างไรกับบุตรชายข้างั้นรึ ” เซียวหมิงเทียนกัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขาพยายามหักห้ามใจตนเอง ไม่ให้อาละวาดใส่ผู้นำสามตระกูลหลักที่ทำเสียเรื่อง
“ อืม เรื่องนี้… ” หลินซินเยว่หยุดคิดเล็กน้อย เพราะเอาเข้าจริงๆตัวเธอก็ไม่เคยคาดคิดว่าแดนสุขาวดีสอดมือเข้ามา ทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายแบบในปัจจุบัน
ในเวลาเดียวกัน
ณ พระราชวังหลวงแห่งโลกทิพย์สัตว์อสูร เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของสำนักดาราสวรรค์ได้ควบคุมพื้นที่สำคัญทั้งหมดไว้อย่างรัดกุม
ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่หรือองครักษ์เฝ้าประตู ขอเพียงมีความสัมพันธ์กับสี่ตระกูลหลักล้วนถูกปิดผนึกพลังควบคุมตัวไว้ทั้งสิ้น
เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ตระกูลปิงกู่ ที่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของฝ่ายตรงข้ามมาเป็นอย่างดี ทำให้ลดทอนความยุ่งยากไปได้หลายส่วน
‘ เคล็ดวิชาใหม่ที่ท่านอาจารย์บรรลุช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เพียงส่งเจตจำนงลงมาก็สามารถเปลี่ยนแผ่นป้ายสำนักของข้า ให้กลายเป็นร่างแยกของท่านอาจารย์ได้ทันที ’
‘ เสียดายที่มันมีข้อจำกัดตรงแผ่นป้ายประจำตัวนั้น จะต้องมีเศษเสี้ยววิญญาณของท่านอาจารย์สถิตอยู่ ถ้าไม่ติดเรื่องนี้ เหล่าศิษย์สำนักเราตอนออกไปผจญภัยที่โลกภายนอก คงไม่ต้องเกรงกลัวศัตรูหน้าไหนอีกต่อไป ’
แม้ร่างแยกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของหลินซินเยว่ในครั้งนี้ จะมีพลังเทียบเท่าเจ้าของแผ่นป้ายซึ่งก็คือเทพโลกาขั้นเจ็ด แต่มันก็ยังเป็นร่างแยกของจักรพรรดิเทพผู้บรรลุแก่นแท้ระดับสูงถึงเจ็ดชนิดอยู่ดี หาใช่คู่ต่อสู้ที่เทพโลกาขั้นเก้าทั่วไปจะรับมือได้
ต้องบอกเลยว่า การตัดสินใจของเซียวหมิงเทียนในการนำผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก ออกไปรับศึกภายนอกและต้อนรับเหล่าพระโพธิสัตว์ โดยลืมนึกถึงกองกำลังฝ่ายสำนักดาราสวรรค์ที่ถูกกักตัวอยู่ในตระกูลปิงกู่ ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง
และผลลัพธ์ของการประเมินศัตรูต่ำไป ก็ทำให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้ยกกระดานโดยไร้หนทางตอบโต้ นอกจากจะสูญเสียพระราชวังที่ใช้ควบคุมเขตอาคมไปแล้ว แม้แต่จักรพรรดิเซียวหยูก็ยังถูกจับตัวไปอีกด้วย
“ เปิดใช้เขตอาคมพิทักษ์จิตวิญญาณสี่สัตว์เทพ! ”
บูมมมม!
สิ้นเสียงคังหลิน ม่านพลังสีแดงฉานก็ปกคลุมไปทั่วโลกทิพย์ทั้งหมดอีกครั้ง แต่คราวนี้ข้อจำกัดของมันได้เปลี่ยนไปจากเดิม
มีเพียงผู้คนในสำนักดาราสวรรค์และตระกูลปิงกู่เท่านั้น ถึงได้รับอนุญาตในการเข้าหรือออกจากโลกทิพย์ใบนี้ได้ ส่วนพวกเซียวหมิงเทียนกับผู้นำสามตระกูลใหญ่ถูกสั่งห้ามไว้อย่างเด็ดขาด หากพวกเขาคิดจะบุกรุกเข้ามาก็จะโดนจิตวิญญาณสี่สัตว์เทพโจมตีทันที
ผัวะ!
ใบหน้าของฮองเฮาผู้งดงามสะบัดไปด้านข้างอย่างแรง ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้อาวุโสตระกูลปิงกู่ล็อคตัวไว้ ร่างกายของเธอคงปลิวกระเด็นไปกระแทกกำแพงท้องพระโรงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน