เมื่อการต่อสู้เปิดฉากขึ้น สนามรบก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนทันที ทางด้านหนึ่งร่างแยกของหลินซินเยว่ยืนเหยียบศีรษะราชันมังกรทอง เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนจากโลกทิพย์สัตว์อสูรอย่างสง่างาม
ถึงแม้เซียวหมิงเทียนจะรู้สึกโกรธแค้นขนาดไหน แต่เขาก็รู้ขีดจำกัดตัวเองดี จึงเลือกต่อสู้กับร่างแยกแล้วปล่อยร่างจริงที่แข็งแกร่งกว่า ให้เป็นหน้าที่ของพระโพธิสัตว์ทั้งเจ็ดองค์
“ เดี๋ยวข้าจะดึงดูดความสนใจของหลินซินเยว่เอาไว้ หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือจัดการมังกรทองตัวนั้น ส่วนเซียวกงกงจะหลบซ่อนตัว รอโอกาสลอบเข้าไปช่วยเหลือจักรพรรดิเซียวหยูออกมาเอง ”
เซียวหมิงเทียนส่งกระแสจิตสั่งการสามผู้นำตระกูลใหญ่ พร้อมกับจับจ้องไปที่บุตรชายซึ่งถูกโซ่ผนึกพลังมัดติดอยู่กับเขามังกรทอง
โฮกกก!
เซียวหมิงเทียนส่งเสียงกู่ร้องคำราม ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกิเลนเนตรเพลิงสวรรค์ขนาดยักษ์ สวมชุดเกราะอสูรสงครามสีทองหรูหรา แม้แต่เขาทั้งสองข้างยังถูกตกแต่งไปด้วยอัญมณีสีแดงสวยงาม
“ ผู้น้อย รับบัญชา! ”
ผู้นำตระกูลทั้งสามตอบรับพร้อมกัน ก่อนจะกลับคืนสู่ร่างอสูรกลายเป็น พญาอินทรีย์สายฟ้า จระเข้ยักษ์กลืนดารา ราชันอสรพิษแปดเศียร แต่ละตัวล้วนทรงพลังเหลือคณานับ มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเป็นรองมังกรทองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เนื่องจากร่างอสูรนี้หลอมสร้างจากกระดูกและเลือดเนื้อ มันจึงแข็งแกร่งทนทานยิ่งกว่าร่างทิพย์ของเหล่าผู้ฝึกตนมาก อีกทั้งยังมีพละกำลังมหาศาลและสัญชาตญาณต่อสู้โดยกำเนิด สามารถใช้คมเขี้ยวต่อกรกับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ตรงๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ในศึกสงครามขนาดใหญ่ ตัวตนระดับแม่ทัพหรือนายพลจึงมักขับขี่สัตว์อสูรเข้าต่อสู้มากกว่าจะยอมสิ้นเปลืองพลังเพื่อใช้ร่างทิพย์ของตนเอง
เมื่อกำหนดเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย เซียวหมิงเทียนก็ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรง พุ่งทลายกำแพงมิติ บุกฝ่าม่านพลังคุมกันของมังกรทอง ไปปรากฏกายตรงหน้าหลินซินเยว่ในพริบตาเดียว
“ เนตรเพลิงผลาญโลกา! ”
ฮูมมม!
คลื่นเปลวไฟสีขาวได้ระเบิดออกมาจากความว่างเปล่า ผนึกห้วงมิติปกคลุมอาณาเขตรอบตัวหลินซินเยว่ไม่ให้หลบหนี นี่คือท่าโจมตีวงกว้างที่รุนแรงที่สุดของเซียวหมิงเทียน ซึ่งได้รับมาจากการปลุกตื่นสายโลหิตบรรพชน
“ คิดจะทำลายโซ่ตรวนผนึกเซียนของข้างั้นรึ อย่าได้ฝันไป ” ร่างแยกหลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอมองออกว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ละทิ้งความหวังในการช่วยเหลือบุตรชายตนเอง
วูป!
เพียงเธอวาดฝ่ามือออกไปเบาๆ คลื่นแสงสีทองสว่างไสวก็แผ่ขยายออกไปในเสี้ยววินาที จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเธอก็หยุดนิ่ง ราวกับกาลเวลาถูกผนึกเอาไว้
ครืนนน! กึก!
คลื่นเปลวไฟสีขาวหยุดห่างจากใบหน้าหลินซินเยว่เพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น แต่ก็เป็นระยะทางที่ไม่มีวันมาถึงตลอดกาล ราวกับมันได้ถูกแช่แข็งเอาไว้เหมือนคริสตัลสีขาว ทั้งสวยงามและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
นี่คืออานุภาพของแก่นแท้แห่งเวลาขั้นเจ็ดจากเก้าขั้น ซึ่งภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดแห่งนี้มีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้นที่บรรลุถึง
ทันใดนั้นเอง
เปรี้ยงงง! ตูมมม!ๆๆๆๆ
ในที่สุดสามผู้นำตระกูลใหญ่ก็เริ่มเปิดฉากโจมตีมังกรทองตามแผนการ พญาอินทรีย์ปล่อยสายฟ้า จระเข้ยักษ์พุ่งเข้าไปขย้ำ ราชันอสรพิษพ่นเพลิงพิษกัดกร่อน
การโจมตีทุกอย่างล้วนเล็งไปที่ส่วนคอด้านซ้ายของมังกรทอง ซึ่งเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกบันทึกไว้ในตำนาน
โฮกก! เปรี้ยงงง!
ร่างของจระเข้ยักษ์และพญาอินทรีย์ถูกหางมังกรทองฟาดปลิวกระเด็นไปไกล ส่วนราชันอสรพิษก็ต้องโดนเปลวเพลิงราชันมังกรเผาผลาญจนศีรษะไหม้ไปถึงสามหัว
นี่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้มังกรทองตัวนี้จะถือกำเนิดจากค่ายกล แต่ก็ครอบครองสติปัญญาในระดับสูง ทำให้รู้จักวางแผนเปิดเผยช่องโหว่เพื่อล่อลวงศัตรู
ในเวลาเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน