สองวันต่อมา ภายในมิติลับของคฤหาสน์ดาราสวรรค์ จ้าวเทียนกำลังนั่งจ้องมองดวงแสงสีดำขนาดเท่าผลส้ม ที่ลอยนิ่งสงบอยู่บนฝ่ามือตนเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะพริบตาที่ของสิ่งนี้ปรากฏขึ้น จ้าวเทียนก็ไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย ราวกับมีพลังงานลึกลับบางอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจ พยายามดึงดูดให้เขารีบหลอมรวมกับมันโดยเร็วที่สุด
แวบ!
“ ช่างเป็นออร่าที่แข็งแกร่งจริงๆ ภายในดวงแสงเล็กๆแบบนี้ ถึงกับประกอบไปด้วยภาพดาราจักรมากมายที่มีขนาดย่อส่วน หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไป ”
จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความชื่นชม นี่คือชิ้นส่วนดวงวิญญาณสมบูรณ์ของมหาเทพผานกู่ ซึ่งไม่อาจหาได้แล้วในยุคสมัยปัจจุบัน
ถ้าเป็นตามที่เทพมังกรอ๋าวเฟิงบอกมา เมื่อครั้งมหาเทพผานกู่เสียชีวิตลง ดวงวิญญาณของท่านก็แตกกระจายออกเป็นเก้าส่วนสมบูรณ์ และเศษเสี้ยวชิ้นส่วนขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ปรากฏอยู่ทั่วทั้งจักรวาล
แน่นอนว่าชิ้นส่วนสมบูรณ์ทั้งเก้า ล้วนถูกครอบครองโดยตัวตนสูงสุดในยุคสมัยนั้น ตั้งแต่ สามผู้ปกครองเอกภพ ราชันเทพมารอเวจี รวมไปถึงเหล่าอสูรเทวะต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งอีกห้าตน
ส่วนเศษเสี้ยวชิ้นส่วนขนาดเล็กนับล้านที่กระจายไปทั่ว บ้างก็ก่อกำเนิดเป็นบรรพบุรุษสิ่งมีชีวิตระดับสูง บ้างก็ถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งกลายเป็นอาวุธเครื่องป้องกันระดับสูงสุดในตำนาน
ซึ่งเศษเสี้ยวชิ้นส่วนที่ต้วนมู่เฉียนมอบให้จ้าวเทียน ก็ถูกจัดเป็นหนึ่งในจำนวนนับไม่ถ้วนนั่นเอง แต่อย่าได้คิดว่าในเมื่อมันมีจำนวนมากมายมหาศาล แล้วจะเสาะหาได้ง่ายดาย
เพราะภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด การจะพบเจอเศษเสี้ยวชิ้นส่วนซักชิ้น ก็คงไม่ต่างไปจากการให้คนธรรมดา งมเข็มเย็บผ้าใต้ท้องทะเลอันมืดมิด จะบอกว่ามีโอกาสสำเร็จเพียงหนึ่งในล้าน ก็ยังไม่ถือว่าเกินไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตลอดระยะเวลาหลายพันล้านปีที่ผ่านมา เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นก็แทบจะถูกบรรดาผู้แข็งแกร่ง พลิกจักรวาลค้นหาไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
การที่มีเศษเสี้ยวบางชิ้นหลงเหลือมาถึงมือต้วนมู่เฉียนได้นี่ ก็ถือเป็นเรื่องของปาฏิหาริย์และโชคชะตาอันเหนือล้ำอย่างแท้จริง จนแม้แต่จักรพรรดิยุคบรรพกาลโฮวอี้ ยังอดนับถือในความโชคดีของศิษย์ตนเองมิได้
“ นี่จะต้องเป็นหนึ่งในเก้าชิ้นส่วนสมบูรณ์แน่ๆ ว่าแต่ ทำไมจักรพรรดินีปิงเยว่ถึงยอมมอบของสิ่งนี้ให้ฉันกันนะ ไหนจะเรื่องรับเหยาเหยาเป็นผู้สืบทอดอีก ”
จ้าวเทียนยังจำเสี้ยววินาที ที่ดวงแสงสีดำหลุดออกมาจากกลางหน้าผากจักรพรรดินีปิงเยว่ได้แม่นยำ ทั้งกลิ่นอายและความแข็งแกร่งทั้งหมดของเธอได้ลดลงอย่างชัดเจน แม้แต่รูปโฉมก็ยังดูแก่ชราขึ้นอีกเป็นสิบปี
ต่อให้ในภายหลัง จ้าวเทียนจะมอบแก่นแท้โลหิตหยางบริสุทธิ์ของตนเอง รวมไปถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าตอบแทนกลับไป แต่มันก็ไม่น่าจะสามารถชดเชยความสูญเสียของอีกฝ่ายได้แน่นอน
โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เจ้าเทียนไม่เข้าใจว่าจักรพรรดินีปิงเยว่จะยอมสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของตน ให้กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกทำไม
“ หรือเป็นเพราะ จักรพรรดินีปิงเยว่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาจารย์ปู่ ก็เลยเผื่อแผ่มาถึงฉันด้วยงั้นเหรอ ”
“ ไม่ซิ ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเป็นนั้นจริงๆ เธอคงมอบของสิ่งนี้ให้อาจารย์ปู่ไปนานแล้ว มันจะเกิดประโยชน์กว่าให้กับฉันอย่างเทียบกันไม่ติด ”
อาจจะรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบที่ต้องการ จ้าวเทียนก็เลิกเสียเวลาคิดหาเหตุผลในที่สุด เมื่อมีโอกาสดีๆ ในการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดดมาอยู่ตรงหน้าเรียบร้อย เขาก็ไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไป
“ ขนาดได้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือ ตอนหลอมรวมกับเศษเสี้ยวชิ้นส่วนเล็กๆ ก็ยังเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แล้วชิ้นส่วนสมบูรณ์ล่ะจะต้องใช้เวลานานขนาดไหนกัน ”
จ้าวเทียนไม่อยากรบกวน ช่วงเวลาสำคัญในการฝึกฝนของท่านอาจารย์ เขาก็เลยเตรียมการสะสางภารกิจทั้งหมด พร้อมทั้งแจ้งกับทางครอบครัวตนว่าจะเก็บตัวฝึกวิชาซักระยะ ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วง
ไม่ใช่แค่เพียงจ้าวเทียนที่ทำแบบนี้ ผู้ที่จะกลายเป็นกำลังหลักในสงครามทุกคน ก็เริ่มแยกย้ายไปตามเส้นทางตัวเองเหมือนกัน
ลี่เหยาเหยาไปกับจักรพรรดินีปิงเยว่ เฉินจิ้งไปกับเทพมังกรอ๋าวเถียน กงเสี่ยวเหมยใช้แผ่นอาคมเคลื่อนย้ายกลับไปที่พระราชวังของมหาเทพจูเซียน แม้กระทั่งโม่ปิงหยูกับโม่ซินหนานก็ยังมีร่างอวตารของคังหลินคอยฝึกฝนให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน