ณ โบราณสถานใต้ทะเลลึก
หลังจากจ้าวเทียนกินโอสถฟื้นฟูเสร็จเรียบร้อย ทั้งเขาและลี่เหยาเหยาก็มานั่งลงด้านข้างเทพมังกรอ๋าวเฟิงเพื่อปรึกษาเรื่องทิศทางที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต
“ ผู้อาวุโสปิงเยว่ ที่ท่านบอกว่าจะจับตัวผู้แข็งแกร่งจากจักรวาลอื่นมาเซ่นสังเวยเพื่อฟื้นฟูให้จักรวาลของพวกเรานั้นหมายความว่าอย่างไรกัน ”
“ เพราะเท่าที่ฉันรู้มา กว่าจะค้นพบที่ตั้งจักรวาลแห่งอื่นในห้วงมิติโกลาหล เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานนับพันนับหมื่นปี หรือต่อให้ค้นพบจริงๆก็มีโอกาสน้อยมาก ที่จะลักลอบเข้าไปโดยผู้ปกครองของจักวาลแห่งนั้นไม่รู้ตัว ”
“ แผนการนี้มันเสี่ยงเกินไป และไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จก่อนศึกแย่งชิงตำแหน่งมหาเทพเริ่มต้นแน่นอน ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ตามความคิดของจ้าวเทียน ถึงแม้ร่างจริงของโฮ่วอี้กับจักรพรรดินีปิงเยว่จะเข้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่อีกฝ่ายส่งร่างอวตารเข้ามาก็เพียงพอที่จะรับมือกับมหาเทพอวี่หวงหรือพระยูไลแล้ว ส่วนเต๋าแห่งสวรรค์ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเทพมังกรไป
เหนือสิ่งอื่นใด…พวกเขายังมีอาวุธลับอย่างมหาเทพจูเซียนและกองทัพหุ่นเชิดรอเป็นกำลังเสริมอีกด้วย
เหมือนจะคาดเดาได้ถึงความคิดของจ้าวเทียน เทพมังกรทั้งเก้าจึงแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างเคร่งเครียด ราวกับมีความลับบางอย่างเก็บซ่อนไว้อยู่
“ หืม นี่พวกท่านยังไม่ได้บอกสถานการณ์ที่แท้จริงให้เขาได้รู้งั้นรึ ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ สถานการณ์ที่แท้จริง ? ” จ้าวเทียนมองไปทางเทพมังกรอ๋าวเฟิงอย่างสับสน มันยังมีบางสิ่งที่เขายังไม่รู้อีกงั้นเหรอ
เมื่อรู้ว่าคงไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป เทพมังกรอ๋าวเฟิงจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้น
“ จ้าวเทียนจงฟังให้ดี เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเต๋าแห่งสวรรค์ได้ใช้อำนาจแห่งผู้ปกครอง กักขังร่างที่แท้จริงของพวกข้าไว้บนโลกมนุษย์ ทำให้ไม่อาจร่วมศึกในอีกสองปีข้างหน้าได้ ”
“ ขอเพียงพวกข้าปลุกพลังที่แท้จริงขึ้น ตราผนึกของสมบัติสืบทอดมหาเทพผานกู่ก็จะคลายออกก่อนกำหนด และโลกมนุษย์ก็จะถูกทำลายทันที ”
!!
“ นี่มัน… ” จ้าวเทียนมีสีหน้าหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด
เขานึกแล้วว่าทำไมทุกอย่างมันดูง่ายดายจนเกินไป ที่แท้เต๋าแห่งสวรรค์ก็แอบเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
ในสายตาของอีกฝ่ายเทพมังกรทั้งเก้าคงเป็นศัตรูที่น่าหวาดกลัวที่สุด ขอเพียงขจัดปัญหาข้อนี้ได้ที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว
“ เจ้าไม่ต้องกังวลไป ทั้งข้าและโฮ่วอี้ได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่แรก พวกเราย่อมมั่นใจว่าสามารถรับมือเต๋าแห่งสวรรค์ได้แน่นอน ส่วนจะเอาชนะได้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเจ้าแล้วนะ จ้าวเทียน ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ผู้อาวุโส…เรื่องนี้ ” จ้าวเทียนรู้สึกพูดไม่ออก อีกฝ่ายประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไปแล้ว แม้แต่ครั้งที่เขาเป็นมหาเทพตี้เทียน ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะเต๋าแห่งสวรรค์ได้เลยด้วยซ้ำ
“ อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ พวกข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการต่อสู้กับเต๋าแห่งสวรรค์ แค่พอถึงเวลาก็ให้หาวิธีดึงดูดความสนใจฝ่ายตรงข้ามไว้ก็พอ จะดีมากถ้าบีบบังคับให้มันส่งร่างอวตารลงมาบนโลกมนุษย์ตั้งแต่สองร่างขึ้นไป ”
“ หลังจากนั้น ข้ากับโฮ่วอี้จะบุกเข้าไปสังหารร่างจริงของเต๋าแห่งสวรรค์ที่ตรงมิติใจกลางเอกภพเอง ” จักรพรรดินีปิงเยว่รู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก
เพราะจากที่ได้รู้มาร่างอวตารที่เก้าของเต๋าแห่งสวรรค์ถูกกำจัดไปแล้ว ทำให้พลังทั้งหมดของมันลดไปหนึ่งส่วน ขอเพียงจ้าวเทียนหลอกล่ออีกสองร่างออกไปได้ ที่เหลืออีกหกร่างก็ไม่ใช่ปัญหา
“ ผู้อาวุโส ท่านลืมอะไรไปหรือเปล่า ต่อให้อีกฝ่ายส่งร่างอวตารลงมาจริงๆ แต่พอถึงคราวที่มันอยากกลับไปจริงๆ ฉันก็ไม่มีกำลังจะไปฉุดรั้งเอาไว้หรอก ”
“ ถ้าเป็นเรื่องนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเอง รับรองพอถึงเวลาร่างแยกของเต๋าแห่งสวรรค์จะไม่มีทางก้าวออกไปจากโลกมนุษย์ได้แม้แต่ก้าวเดียว ” เทพมังกรอ๋าวเถียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เหมือนกับรอโอกาสชำระหนี้แค้นมานานแสนนาน
“ ใช่แล้ว ขอแค่ล่อร่างแยกของมันมาตรงกับดักที่พวกข้าเตรียมไว้ก็พอ ” เทพมังกรอ๋าวมู่พูดเสริมขึ้น เผ่าพันธุ์มังกรแห่งพฤกษาอย่างเขา โดดเด่นในการผนึกกักขังอยู่แล้วทั่วทั้งสามภูมิต่างรู้ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน