ภายในความเวิ้งว้างอันดำมืดของห้วงมิติทดสอบ เทพกระบี่กำลังยืนหลับตาอยู่ด้านหน้าแผ่นศิลาขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า ราวกับเป็นแสงแห่งความหวังท่ามกลางความมืดมิดทั้งปวง
นี่คือแผ่นหินโกลาหลสมบัติล้ำค่าในตำนาน ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่มหาเทพจูเซียนเคยครอบครองในอดีต และตกมาถึงมือจ้าวเทียนในปัจจุบัน
เพียงแต่ที่อยู่ตรงหน้าเทพกระบี่ นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่าเกือบสิบเท่าแล้ว บนพื้นผิวชั้นนอกของแผ่นหินยังถูกจารึกไว้ด้วยอักษรรูนโบราณจำนวนมาก พร้อมทั้งมีร่องรอยกระบี่หลายสิบสายซ้อนทับกันหลายชั้น
ทั้งหมดนี้คือเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด ที่จักรพรรดิอสูรกระบี่แสวงพ่ายตระหนักรู้ได้ก่อนจะสิ้นชีพในมหาสงคราม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในดินแดนมรดกแห่งนี้
“ ผ่านไปหนึ่งปีแล้วสินะ หากรวมระยะเวลาทั้งห้าด่านทดสอบ ข้าน่าจะอยู่ในเขตอาคมบิดเบือนมิติกาลเวลามาเกือบสองปีเห็นจะได้ ”
เทพกระบี่พูดกับตัวเองเบาๆ เวลาสองปีด้านในก็เท่ากับหนึ่งเดือนในโลกภายนอก ไม่รู้ป่านนี้พวกจ้าวเทียนและสหายคนอื่นๆจะร้อนใจกันขนาดไหนแล้ว
ต้องเข้าใจว่า ผู้เดียวที่จะเปิดประตูเคลื่อนย้ายของดินแดนมรดกได้ก็คือเทพกระปี่ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา คนอื่นๆก็ไม่มีทางออกจากสถานที่แห่งนี้ไปได้เด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ เทพกระบี่ก็เคยคิดจะล้มเลิกการทดสอบกลางคัน เพื่อส่งตัวคนอื่นๆกลับไปยังโลกมนุษย์เหมือนกัน
แต่น่าเสียดายที่ดวงจิตจักรพรรดิอสูรกระบี่ไม่ให้ทางเลือกกับเขาเลย เพราะเมื่อใดที่ผู้สืบทอดตัดสินใจยอมแพ้กลางคัน เขตอาคมบิดเบือนมิติกาลเวลาก็จะสลายไปและดินแดนมรดกทั้งหมดก็จะถูกปิดตัวลงตลอดกาล
“ หวังว่า ทุกคนจะยอมให้อภัยกับความเห็นแก่ตัวของข้าในครั้งนี้ ”
พูดจบ เทพกระบี่ก็ยืนฝ่ามือไปสัมผัสกับแผ่นหินที่อยู่ตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ทำให้ดวงจิตของเขาถูกดึงดูดเข้าไปด้านในทันที
วูป!
เมื่อแสงสว่างจางหายไป เทพกระบี่ก็ได้ถูกดึงเข้าสู่ห้วงเวลาในอดีตของมหาสงครามเทพมารบรรพกาลเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนอีกครั้ง
ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย กองทัพเทพสวรรค์และมารร้ายแห่งห้วงอเวจีได้เปิดฉากสังหารกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำให้จักรวาลทั้งหมดสั่นสะเทือน ดวงดาวหลายล้านดวงต้องแตกสลายไปเป็นเถ้าธุลี สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
บุรุษชุดดำผู้หนึ่งที่มีกายทิพย์ใหญ่โตมโหฬาร ได้ฟาดฟันกระบี่ในมือออกไปไม่หยุดยั้ง รังสีกระบี่นับแสนนับหมื่นระเบิดเข้าใส่ศัตรูดุจคลื่นทะเลอันคลุ้มคลั่งไร้ผู้ใดเทียบติด เพียงพริบตาเดียวก็ทำลายทัพมารนับล้านจนสลายกลายเป็นฝุ่นผง
แม้การโจมตีนั้นจะสังหารฝ่ายตนเองไปพร้อมกัน แต่ท่วงท่าของเขาก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราดดุดัน ปราศจากความลังเลใดๆ ราวกับได้หลงลืมตัวตนและสรรพสิ่งรอบกายไปจนหมดสิ้น
แวบ!
เมื่อเทพกระบี่เดินมาหยุดตรงหน้าบุรุษชุดดำ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็หยุดชะงัก เหมือนมีบางสิ่งร่วงหล่นลงไปในบ่อน้ำที่สงบนิ่ง เกิดผลกระทบเป็นวงคลื่นแผ่กระจายออกไปรอบๆ
ชิ้ง!
แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันคลุ้มคลั่ง ของกองทัพเทพมารนับล้านที่กำลังพุ่งรบกันในสงคราม ต่างพากันจับจ้องมาที่เทพกระบี่เป็นสายตาเดียว
บูมมมม!
คลื่นความกดดันมหาศาลจากเทพมารยุคบรรพกาล ได้กดทับลงมาอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ราวกับต้องการบดขยี้เทพกระบี่ให้แหลกสลายไปในเสี้ยววินาที
แต่ทว่า
“ จิตกระบี่อนัตตาเที่ยงแท้! ”
ภาพลวงตาของกระบี่สีทองขนาดยักษ์ได้ปรากฏซ้อนทับกับเทพกระบี่ มันเป็นเจตจำนงที่แหลมคมจนสามารถทะลวงฟ้าดิน ทั้งเด็ดเดี่ยวและไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ทำให้จิตสังหารรวมไปถึงความกดดันที่ถาโถมเข้ามาสลายไปทันที
นี่คือเคล็ดวิชาลับที่เทพกระบี่ได้มาจากการเอาชนะด่านทดสอบที่สาม ตราบใดที่เขายังรักษาสภาวะเคล็ดวิชานี้เอาไว้ ต่อให้ศัตรูมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าตนเองหลายร้อยเท่า ก็ไม่อาจใช้จิตสังหารหรือความกดดันบดขยี้เขาจนพังทลายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน