ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จ้าวเทียนได้นำพากลุ่มยอดฝีมือของเขาเข้ารับการทดสอบ จากดวงจิตผู้แข็งแกร่งยุคบรรพกาลอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่ามีบางครั้งที่ล้มเหลว แต่ด้วยจำนวนสถานที่สืบทอดมรดกที่มีถึงหนึ่งร้อยแห่ง จึงไม่ใช่เรื่องยากในการเข้ารับการทดสอบจนครบทั้งยี่สิบห้าคน
ส่วนพวกโม่ซินหยานทั้งยี่สิบเอ็ดคนนั้น จ้าวเทียนก็พาพวกเธอไปเก็บเกี่ยววัตถุดิบแปลกๆมาทำอาหารจนแทบจะหมดทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกมิติแห่งนี้
บนภูเขาห้ายอดที่มีลักษณะคล้ายฝ่ามือ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ประตูมิติถูกเปิดขึ้น จ้าวเทียนและคนอื่นๆกำลังนั่งล้อมวง รับประทานหม้อไฟกระดองเต่าขนาดยักษ์กันอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีกองกระดูกขนาดใหญ่หลากหลายชนิดวางซ้อนทับกันอยู่ด้านข้าง
แสดงให้เห็นว่า…พวกเขาได้ใช้เนื้อมารอสูรประทังชีพมาสักระยะหนึ่งแล้ว
“ ได้เวลาออกกำลังกายหลังอาหารแล้ว เริ่มเถอะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม พลางมองดูคนที่เหลือบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพายุฝนอสนีบาต
นี่คือการต่อสู้แบบกลุ่มระหว่างผู้อาวุโสระดับสูงของสมาพันธ์เซียนที่ได้รับมรดกสืบทอดกับพวกโม่ซินหยานที่วิวัฒนาการสายเลือดคิเมียร่า ผ่านการกลืนกินชิ้นส่วนมารอสูรมากมาย แน่นอนว่าโม่ปิงหยูก็ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับแม่ของเธอเพื่อความเท่าเทียม
“ อามิตาพุทธ ครั้งนี้ลองให้อาตมาใช้เคล็ดวิชาใหม่ที่เพิ่งฝึกปรือสำเร็จดู ” หลวงจีนคิ้วขาวพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ประกบฝ่ามือเป็นเก้าสัญลักษณ์อย่างรวดเร็ว
“ บัวเพลิงพุทธะพิโรธ! ”
บูมมมม!
คลื่นเปลวเพลิงสีแดงระเบิดออกไปเป็นวงกว้าง ปรากฏเป็นดอกบัวยักษ์อันร้อนแรงกักขังพวกโม่ซินหยานทั้งหมดไว้ด้านใน จากนั้นอั้งฮวงหลงและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ระดมการโจมเข้าใส่อย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ หึหึ เปลวไฟแค่นี้ทำอะไรพวกฉันไม่ได้หรอก ” โม่ซินหยานแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนที่ตัวเธอรวมไปถึงมือสังหารสาวอีกยี่สิบคน จะกลายร่างเป็นอสูรสงครามคิเมียร่าเข้าประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้ามในพริบตา
เปรี้ยง!ๆๆๆๆ ตูม!ๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนฟ้าถล่มมหาสมุทรสะเทือน เมฆพายุสายฟ้าถูกระเบิดกระจายไปไม่เหลือซาก
คลื่นพลังทำลายล้างที่กวาดลงมา ทำให้จ้าวเทียนต้องรีบกางอาณาเขตม่านพลังเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภูเขาที่ใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัย
“ ดูเหมือน ความทุ่มเทของฉันที่ผ่านมาจะไม่สูญเปล่าสินะ ” จ้าวเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นการโจมตีอันรุนแรงของอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจทะลวงผ่านกระดูกหนาใต้ผิวหนังของอสูรสาวทั้งยี่สิบเอ็ดตนได้
ตอนนี้ร่างของพวกโม่ซินหยานได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน นอกจากพวกเธอจะงอกปีกขึ้นมาหกข้างทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ทั้งเขี้ยวเล็บและเขาโค้งงอบนศีรษะ รวมไปถึงหางที่งอกยาวออกมา ยังกลายเป็นอาวุธทำลายล้างที่เคลือบไปด้วยพิษร้ายน่าสะพรึงกลัว หากสัมผัสโดนแม้เพียงนิดเดียวก็แทบจะหมดสภาพต่อสู้ไปทันที
จะบอกว่าจ้าวเทียนลำเอียงก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากเลือดหยางบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว แม้แต่ทรัพยากรล้ำค่าเกือบสามส่วนที่ได้มากจากโลกทิพย์สัตว์อสูร เขาก็กล้าใช้มันปรับปรุงความแข็งแกร่งให้กับพวกโม่ซินหนานโดยไม่นึกเสียดาย
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะพวกเธอเป็นกองกำลังชุดแรกที่ยินยอมรับคำสั่งจากจ้าวเทียนด้วยความเต็มใจ เรื่องความเคารพจงรักภักดีเป็นของแท้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพิสูจน์อีก
สำหรับหญิงสาวที่ถูกจับไปดัดแปลงพันธุกรรม จนกลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งอสูรอัปลักษณ์อย่างพวกเธอ จ้าวเทียนก็เปรียบเสมือนผู้หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้ ตราบใดที่เป็นคำสั่งของเขา ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตพวกเธอก็พร้อมทำตามโดยไม่ลังเล
เปรี้ยงง!ๆๆๆ ฉัวะ!ๆๆ
“ ฮ่า ฮา โจมตีเข้ามาอีก ” โม่ซินหยานหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ดวงตาแดงฉานเหมือนสัตว์ร้าย เธอไม่สนใจบาดแผลฉีกขาดเต็มร่างกาย คว้าจับไปที่คมดาบของผู้อาวุโสคนหนึ่งโดยไร้ความเกรงกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน