ม่านพลังอันแข็งแกร่ง ของค่ายกลเทวะที่เคยปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลสาบมรกต เวลานี้มันได้หดเล็กลงมาเกือบแปดส่วน เหลือพื้นที่ป้องกันเพียงแค่เกาะหลักขนาดใหญ่เกาะเดียวเท่านั้น
“ ข้าอยากจะรู้นัก ว่าพวกเจ้าจะทนต่อไปได้อีกซักเท่าไหร่ ” เทพแอรีสพูดขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมกับยกขวานสงครามชี้ไปเบื้องหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้กำลังเสริมที่ตามมาสบทบ เข้าไปเปลี่ยนตำแหน่งกับกองกำลังชุดเดิมที่เหน็ดเหนื่อย
“ โจมตีได้! ”
สิ้นเสียง เหล่าเทพสวรรค์จุติที่เพิ่งกลับจากการไปถล่มสำนักเซียน ก็ชักอาวุธออกมาฟาดฟันใส่ม่านพลังค่ายกลตรงหน้าพร้อมกัน
นี่คือการโจมตีเต็มกำลัง ของร่างอวตารเทพโลกาที่แข็งแกร่งถึงสามร้อยคน อานุภาพของมันดุจคลื่นทะเลที่บ้าคลั่งซัดโถมเข้าใส่ม่านพลังค่ายกลอย่างรุนแรง
เปรี้ยงงง! ตูมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว มิติพังทลาย ค่ายกลด้านนอกที่เพิ่งจะฟื้นฟูได้ไม่นานก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นี้
คลื่นพลังทำลายล้างก็ยังคงทะลวงเข้าใส่ค่ายกลชั้นในอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการบดขยี้เกาะแห่งนี้ รวมไปถึงทุกชีวิตที่หลบซ่อนอยู่ด้านในให้เป็นเถ้าธุลี
ทันใดนั้น
“ ต้านไว้ให้ได้! ”
หลิวจงเสียนศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักดาราสวรรค์ นำพาสี่ผู้คุมกฎรวมไปถึงศิษย์อัจฉริยะนับร้อยคนในสำนัก พุ่งทะยานออกไปรับมือการโจมตีของศัตรู
พวกเขาใช้ประโยชน์จากม่านพลังชั้นนอก เพื่อลดทอนความรุนแรงจากการโจมตีของศัตรูลง ทำให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์ไปได้อย่างฉิวเฉียด
กองกำลังเสริมของสำนักดาราสวรรค์นั้น เพิ่งจุติลงมายังโลกมนุษย์เมื่อวานนี้ ตามสัญญาณขอความช่วยเหลือของหลินซูซิน
ซึ่งเหตุผลที่สำนักดาราสวรรค์ สามารถส่งร่างอวตารลงมาบนโลกมนุษย์ได้มากมาย นั่นก็เพราะทรัพยากรจำนวนมหาศาล ที่ยึดมาจากพันธมิตรโจรสลัดอวกาศและราชวงศ์จักรพรรดิโลกอสูร
เดิมทีพวกเขาเตรียมพร้อมเอาไว้ สำหรับเหตุการณ์สำคัญในอีกสองเดือนข้างหน้า แต่ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาใช้ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้แทน
เปรี้ยง! ตูมมม!ๆๆ
เพื่อไม่ให้ค่ายกลหลักได้รับความเสียหาย พวกหลิวจงเสียนจึงต้องออกไปต่อสู้กับศัตรูด้านนอก โดยอาศัยการสนับสนุนจากกองกำลังส่วนตัวของจ้าวเทียน และสองหน่วยรบจตุเทพที่เหลือไม่ถึงสองร้อยคน
ส่วนกองทหารติดอาวุธเกือบหมื่นนาย ก็คอยยิงสนับสนุนก่อกวนศัตรูอยู่ตรงชายขอบม่านพลัง พวกเขาไม่กล้าใช้จรวดขีปนาวุธหรือปืนลำแสง เพราะกลัวส่งผลกระทบต่อพวกเดียวกันเอง
แม้จะเป็นศึกที่เสียเปรียบทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ แต่ทุกคนก็ต้องพยายามถ่วงเวลา ให้ม่านพลังค่ายกลชั้นนอกฟื้นฟูกลับมาดังเดิมจึงจะถอนตัวกลับมาได้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นมากกว่าสิบครั้งในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมา
“ บัดซบ ข้าเองก็จะทนไม่ไหวแล้ว ” คังหลินพูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว พร้อมกับฝืนตั้งสมาธิวาดฝ่ามือทั้งสอง เป็นเจ็ดสิบหกรูปแบบแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เพื่อฟื้นฟูความเสียหายให้ค่ายกลเทวะ
เดิมที ทั้งคังหลินและหลินซูซินจะต้องช่วยกันควบคุมค่ายกล แต่เพราะต้องการช่วยชีวิตกองกำลังฝ่ายตนที่หลบหนีมาจากเกาะศูนย์วิจัย หลินซูซินจึงยอมเสี่ยงออกไปด้านนอกม่านพลังคุ้มกัน
สุดท้ายแม้จะช่วยทุกคนกลับมาได้ แต่ตัวเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสภาพต่อสู้ไปในทันที อีกทั้งดวงวิญญาณยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่รู้จะฟื้นคืนสติมาตอนไหนอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน