หัตถ์ราชันดับตะวัน คือเคล็ดวิชาลับของจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่เก้าซวนไท่หยาง ซึ่งถูกจัดไว้เป็นอันดับที่สามจากเคล็ดวิชาลับทั้งหมด
หากไม่นับข้อเสียที่ต้องใช้โจมตีศัตรูในระยะประชิด บางทีแค่อานุภาพความรุนแรงเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะเหนือกว่าเคล็ดวิชาลับของจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่หนึ่งเสียอีก
โดยเงื่อนไขสำคัญที่จะบรรลุเคล็ดวิชานี้ได้นั้น นอกจากจะต้องมีแก่นแท้แห่งเปลวเพลิง แก่นแท้แห่งมิติเวลา และแก่นแท้แห่งหยินหยางในระดับสูงแล้ว
ผู้ฝึกฝนยังจะต้องเคยสัมผัส ถึงช่วงเวลาการถือกำเนิดแตกดับของดวงอาทิตย์อีกด้วย ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีที่จ้าวเทียนได้รับประสบการณ์ส่วนนี้ ผ่านทางความทรงจำของชิ้นส่วนดวงวิญญาณมหาเทพผานกู่พอดี
ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะต้องใช้เวลาท่องเที่ยวไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนับแสนปี ถึงจะมีหวังค้นพบโอกาสแห่งโชคชะตาเช่นนี้ได้
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆ ตูมม!ๆๆๆๆๆ
ท่ามกลางพายุสายฟ้าอันเกรี้ยวกราดที่ฟาดถล่มลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา จ้าวเทียนลอยอยู่บนฟ้า จ้องมองฝ่ามือที่ไหม้เกรียมเพราะผลกระทบเคล็ดวิชา พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจต่อการโจมตีของราชาเทพซูสผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่น้อย
เนื่องจากรัศมีสามเมตรรอบตัวจ้าวเทียน มีม่านพลังเปลวเพลิงทรงกลมปกคลุมเอาไว้ นี่คือเคล็ดวิชาลับอันดับที่ห้าของจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่แปด เป็นการสร้างแกนกลางดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ที่มีอุณหภูมิหลายล้านองศาขึ้นมาป้องกันตนเอง
เคล็ดวิชานี้ถูกขนานนามว่า…หนึ่งดวงตะวันล้ำโลกา
ความร้อนแรงของแกนกลางด้วงอาทิตย์นั้น แม้แต่แสงสว่างยังไม่อาจสาดส่องเข้าไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพายุสายฟ้าซึ่งเกิดจากพลังงานธาตุเลย มันแทบจะสลายไปจนหมดสิ้นก่อนจะถึงตัวจ้าวเทียนด้วยซ้ำ
‘ ดูเหมือนเคล็ดวิชาลับห้าอันดับแรก จะสิ้นเปลืองพลังและส่งผลกระทบต่อร่างกายของฉันมากเกินไป หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ ก็อย่าใช้มันเลยจะดีกว่า ’
ตอนนี้จ้าวเทียนยังไม่ได้ทลายขอบเขตเซียนนภา และบรรลุเคล็ดวิชาหมื่นตะวันอย่างสมบูรณ์ การใช้วิชาอันดับสูงๆที่ถูกคิดค้นโดยจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นก่อน จึงสร้างภาระให้กับตัวเขาเป็นอย่างมาก
“ น่ารำคาญ! ”
สิ้นเสียง แกนกลางดวงอาทิตย์จำลองก็ระเบิดกลายเป็นลูกไฟขนาดยักษ์ พุ่งทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่ขวางกั้นเส้นทางของมันล้วนถูกเผาเป็นจุลไม่เหลือซาก
“ หืม นี่มัน ” เสี้ยววินาทีนั้นราชาเทพซูสก็รู้ดีว่าคงต้านไม่ไหว จึงรีบเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีออกไปอย่างฉิวเฉียด จนสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่มากระทบผิวกาย
ตูมมม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น มิติพังทลาย ชั้นบรรยากาศโลกถูกเจาะทะลุเป็นโพรง ท้องฟ้าด้านบนปรากฏช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่มองเห็นจักรวาลอันดำมืดภายนอก
‘ ถึงกับทำลายม่านป้องกันโลกได้เลยงั้นรึ เหตุใดพลังของเจ้ามนุษย์นี่ ถึงได้มากมายมหาศาลเพียงนี้ ’
ราชาเทพซูสไม่กล้าชะล่าใจอีกต่อไป เดิมทีเขาคิดว่าได้ตรวจสอบข้อมูลอีกฝ่ายมาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็เลยตัดสินใจจุติลงมาแก้แค้นให้บุตรีด้วยตนเอง
แต่ทว่า ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจ้าวเทียน มันกลับเหนือกว่าที่ได้ประเมินเอาไว้หลายเท่า จนราชาเทพซูสชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าร่างแยกของตนจะรับมืออีกฝ่ายได้หรือเปล่า
“ อสนีบาตสวรรค์! ”
บูมมมม!
เกิดเป็นเสาลำแสงสีขาว ส่องทะลุท้องฟ้าลงมาประทับที่มือขวาของราชาเทพซูส จากนั้นเมื่อแสงสว่างจางหายไป ในมือของเขาก็มีสายฟ้าสีทองเส้นหนึ่ง ซึ่งปลดปล่อยรังสีทำลายล้างอันมหาศาลออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่คืออาวุธคู่กายของราชันผู้ปกครองแห่งภูเขาโอลิมปัส อานุภาพของมันถูกจัดอยู่ในระดับเดียวกับกระบี่จักรพรรดิหยกของมหาเทพอวี่หวง และหอกกุงนีร์ของราชันเทพโอดิน
“ ต่อให้เจ้าจะแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้แค่ไหน ข้าก็ไม่สน ยังไงซะวันนี้เจ้าก็ต้องตาย ”
ราชาเทพซูสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาตัดสินใจละทิ้งความลังเลที่เคยมี กลับคืนสู่รูปลักษณ์เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่แสนหยิ่งทะนงอีกครั้ง
“ หึหึ ลูกๆของแก ก็เคยพูดแบบนี้กับฉันเหมือนกัน ” จ้าวเทียนพูดเย้ยหยันอีกฝ่ายกลับไป ก่อนจะเรียกเกราะเทพสงครามหมื่นตะวันออกมาเพื่อเสริมพลังต่อสู้ให้ตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน