ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มหาเทพอวี่หวงนั่งจิบสุราอยู่ด้านนอกค่ายกลป้องกันสำนักดาราสวรรค์อย่างผ่อนคลาย โดยมีกระดานหมากล้อมขนาดใหญ่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา และจักรพรรดินีเทพหลินซินเยว่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
กึก! แคร่ก!
เพียงมหาเทพอวี่หวงวางหมากขาวลงไป หมากดำที่วางอยู่ก่อนของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็แตกสลายทันที
นับรวมดูแล้วบนกระดานตอนนี้ มีหมากขาวมากว่าหมากดำถึงสองเท่า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าใครที่กำลังได้เปรียบ
“ จงยอมแพ้เสียเถอะ พลังของหนึ่งสำนัก ไม่อาจต่อกรกับขุมกำลังทั้งหมดของแดนสวรรค์ได้หรอก ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็ขมวดคิ้วงามเล็กน้อย มือที่ถือหมากดำของเธอยังคงยกค้างเอาไว้ ไม่ได้วางลงไปบนกระดาน
ในทางกลับกัน มหาเทพอวี่ยังคงวางหมากขาวลงไปอย่างต่อเนื่อง ทุกๆระยะเวลาหนึ่ง ราวกับได้ควบคุมผลลัพธ์สุดท้ายของหมากกระดานนี้เอาไว้ไม่มีผิด
กึก! แคร่ก!
เสียงวางหมากและทำลายหมากเริ่มดังกระชั้นชิดขึ้นทุกที พื้นที่ในกระดานของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ค่อยๆถูกบีบให้แคบลงเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่ง เมื่อพวกจ้าวเทียนได้ปรากฏกายขึ้นบนโลกมนุษย์ มหาเทพอวี่หวงก็หยุดชะงักไปทันที แตกต่างกับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ที่เผยรอยยิ้มงดงาม พร้อมกับวางหมากดำลงไปในที่สุด
“ ยังเร็วไป ที่จะพิสูจน์ผลแพ้ชนะกัน ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่พูดออกมาอย่างเฉยชา ตอนนี้ถึงคราวเธอเป็นฝ่ายควบคุมกระดานบ้าง
กึก! แคร่ก!
ทุกครั้งที่พวกโม่ซินหนานและเหล่าผู้อาวุโสสมาพันธ์เซียน ได้สังหารศัตรูช่วยเหลือพันธมิตรสำเร็จ จักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็จะวางหมากดำลงไป เพื่อทำลายหมากขาวฝ่ายตรงข้าม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จนตัวหมากขาวที่วางอยู่รอบนอกของมหาเทพอวี่หวง แทบจะถูกหมากดำทำลายจนหมดสิ้น เหลือเพียงสนามรบหลักที่ยังต่อสู้กันอยู่กลางกระดานเท่านั้น
แต่ทว่า
เมื่อจ้าวเทียนปรากฏตัวที่ทะเลสาบมรกตและได้สังหารเทพแอรีส จักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็เริ่มค้นพบความผิดปกติ ก่อนจะทิ้งหมากในมือแล้วลุกยืนขึ้นทันที
“ หลินซินเยว่ อย่าลืมข้อตกลงของพวกเรา เพราะถ้าเจ้าคิดลงมือแทรกแซง ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน ” มหาเทพอวี่หวงพูดเตือนเสียงเย็นชา ก่อนจะหยิบหมากขาวขึ้นมาสามเม็ด
โดยที่สองเม็ดแรก แทนตัวราชาเทพซูสกับเทพเอ้อหลางเสินตามลำดับ ส่วนหมากเม็ดสุดท้ายถูกเตรียมไว้สำหรับจัดการจ้าวเทียนโดยเฉพาะ ก็คือเทพสูงสุดผู้มีตำแหน่งเป็นมือซ้ายมือขวา ของมหาเทพอวี่หวงเคียงข้างกับเทพเอ้อหลางเสิน
ซึ่งเวลานี้เขาได้เลือกที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังตกอยู่ในวิกฤตการณ์อันร้ายแรง จากการโจมตีของสองอาวุธระดับพระเจ้า
หนึ่งในเทพจุติฝ่ายตรงข้าม ก็ได้สลายเคล็ดวิชาปลอมแปลงโฉม กลับคือสู่รูปลักษณ์ของ จื่อเวยมหาเทวราช จอมราชันผู้ควบคุมปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหมดในจักรวาล
ถ้าให้พูดกันตามตรง ด้วยกองกำลังที่มีอยู่ในปัจจุบันของแดนสวรรค์ การจะทำค่ายกลเทวะของพวกคังหลินไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยืดเยื้อจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อวางกับดักล่อให้จ้าวเทียนปรากฏตัวออกมาเท่านั้น
ขอเพียงจัดการจ้าวเทียนได้ สิทธิ์ในการช่วงชิงสมบัติสืบทอดมหาเทพผานกู่ก็จะตกเป็นของแดนสวรรค์โดยไร้ข้อกังขา ส่วนเหล่าผู้ถูกเลือกคนอื่นๆนั้นไม่ควรค่าให้ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ มันเริ่มแล้วสินะ ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มมั่นใจ แตกต่างกับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ที่แค่นเสียงอย่างเย็นชา
สายตาของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองมองข้ามผ่านระยะทางหลายหมื่นปีแสง จับจ้องเฝ้ารอผลลัพธ์การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฉัวะ! เปรี้ยง! ตูมมม!
คมหอกอันน่าสะพรึงกลัวของเทพเอ้อหลาง ได้ทำลายเกราะเทพเจ้าสงครามแทงทะลุอกซ้ายจ้าวเทียนเข้าไป
อสนีบาตสวรรค์เองก็ระเบิดพลังทำลายล้างออกมาเช่นกัน ร่างของจ้าวเทียนจมหายไปในก้อนพลังงานสีขาว ที่เกิดจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เก้าสิบเก้าเส้น
มันถูกบีบอัดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ก่อนจะปะทุพลังทั้งหมดออกมาในคราวเดียว เกิดการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย โชคดีที่มันถูกกำหนดขอบเขตไว้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสรรพสิ่งรอบตัวมากนัก
ใครก็ตาม ที่ได้เห็นเหตุการณ์ ก็ต้องคิดว่าจ้าวเทียนคงไม่รอดแน่ๆ แต่ไม่ใช่สำหรับจื่อเวยมหาเทวราช ซึ่งได้รับคำสั่งโดยตรงจากมหาเทพอวี่หวงให้เป็นผู้ลงมือปิดฉาก
“ ภาพวาดหมื่นภพสี่ฤดู! ”
พริบตาที่ม้วนภาพวาดสีทองถูกกางออก กาลเวลาก็ไหลช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง พร้อมกับเกิดแรงดึงดูดมหาศาลปกคลุมตำแหน่งที่จ้าวเทียนอยู่
คุณสมบัติของเครื่องรางชิ้นนี้ คือการผนึกดวงวิญญาณศัตรูไว้ในภาพวาดไม่ให้เข้าสู่วัฏสงสาร หมดสิทธิ์คืนชีพหรือเกิดใหม่ตลอดกาล แม้แต่จักรพรรดิเทพก็ไม่อาจช่วยเหลือได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน