คำข่มขู่ของราชันเทพโอดิน เปรียบเสมือนคมมีดที่บาดลึกในใจของพวกลี่เหยาเหยาทุกคน ทำให้ความยินดีในชัยชนะและความรู้สึกฮึกเหิมที่ผ่านมาสลายสิ้นไปในพริบตา
“ ถ้าเจ้ากำลังคิดจับพวกข้าเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง ก็เลิกคิดเสียเถอะ เพราะมันเปล่าประโยชน์ ” เทพโอดินพูดดักทางไว้ก่อน เมื่อเห็นไป๋ซู่เจินกับเทพธิดาซวนเฉวียนเริ่มขยับเข้ามาใกล้
“ เหอะ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนโกหกเอาตัวรอดของพวกแกก็ได้ ไม่แน่ว่าตอนได้ออกไป แกก็ไม่ยอมปล่อยตัวประกันอยู่ดี ” สฟิงซ์แค่นเสียงอย่างดูถูก เพราะจากที่เธอลองสังเกตดู เทพโอดินนั้นมีนิสัยเจ้าเล่ห์และเชื่อถือไม่ได้
ทันใดนั้นเอง
ฉัวะ! กรี้ดดด!
ซูต๋าจี่กรีดร้องออกมาเสียงดัง ด้วยความทุกข์ทรมานราวกับดวงวิญญาณแตกสลาย เนื่องจากถูกเทพซูซาโนะโอะฉีกกระชากหางที่สองจนขาดกระจุย ทำให้โลหิตสาดกระจายไปทั่ว
แวบ!
ร่างของซูต๋าจี่หดเล็กลงกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกธรรมดา เมื่อสูญเสียหางทั้งแปดที่เป็นต้นกำเนิดพลังจากการบำเพ็ญตบะอันยาวนาน เธอก็ไม่อาจคงรูปลักษณ์กึ่งมนุษย์ของเซียนอสูรจิ้งจอกเก้าหางเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ หากเจ้ายังคิดถ่วงเวลาอีก ข้าจะทำลายหางสุดท้ายเพื่อปลิดชีพนางทันที ” เทพซูซาโนะโอะพูดขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมกับคว้าคอจิ้งจอกน้อยมาสะบัดไปมาตรงหน้าลี่เหยาเหยาราวกับต้องการข่มขู่
“ ไม่นะ อย่าร้ายนาง… ”
“ ไอสารเลว รีบปล่อยผู้อาวุโสซูต๋าจี่เดี๋ยวนี้ ”
“ สู้ไม่ได้ก็จับตัวประกัน เลวยิ่งกว่าสัตว์เดียรฉาน ”
เหล่าปีศาจสาวทั้งยี่สิบตน พากันร้องตะโกนด่าทอสาปแช่ง การกระทำของเทพซูซาโนะโอะอย่างต่อเนื่อง
“ ทุกคนหยุด ” ไป๋ซู่เจินสั่งออกมาเบาๆ ซึ่งด้วยตำแหน่งตัวแทนผู้นำสมาคมของเธอ ก็ทำให้ปีศาจสาวตนอื่นๆ ยอมเงียบเสียงลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก แล้วเปลี่ยนเป็นจ้องมองเทพซูซาโนะโอะอย่างดุดันแทน
“ เมื่อออกไปแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกแกยังคงรักษาสัญญา ” ไป๋ซู่เจินถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอกลัวอีกฝ่ายจะไม่รักษาคำพูด
“ ไม่ต้องห่วง ข้าพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน และที่สำคัญปีศาจจิ้งจอกตนนี้ก็ได้สูญเสียพลังไปเกือบหมดแล้ว ต่อให้นางไม่ตายก็ไม่ส่งผลคุกคามอีกต่อไป ” เทพโอดินพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งให้บอกเทพซูซาโนะโอะเลิกยั่วยุฝ่ายตรงข้าม
เมื่อได้ยินแบบนั้น ไป๋ซู่เจินก็หันไปสบตากับลี่เหยาเหยาแล้วจึงพยักหน้าเบาๆ ถึงแม้ไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูด ทั้งคู่ก็เข้าใจความคิดของกันและกันดี
ในศึกครั้งนี้ สมาคมปีศาจสาวได้ประสบความสูญเสียใหญ่หลวงอย่างแท้จริง ในบรรดาร้อยเซียนอสูรผู้คุมกฎ มีถึงแปดสิบตนที่ต้องพลีชีพไปในการต่อสู้กับสิบสามวาลคีรี่
หากต้องมาเสียซูต๋าจี่ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเสาหลักสำคัญไปอีก นั่นก็ดูจะเป็นการโหดร้ายกับพวกเธอมากเกินไป
“ หวังว่าพวกแกจะรักษาคำพูด ไม่อย่างนั้น ”
สิ้นเสียง ลี่เหยาเหยาก็รวมร่างเข้ากับเทพธิดาซวนเฉวียน และเริ่มควบคุมลูกแก้วอุทัยหมื่นโลกาเพื่อสลายโลกมายาที่ถูกสร้างขึ้น
ครืนนนน! เพล้งงง!
ห้วงมิติของโลกใบนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆราวกับเศษกระจก ส่งผลให้ทุกชีวิตที่อยู่ด้านในกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง
แวบ!
“ ฮา ฮ่า ในที่สุดอาวุธเทพเจ้าของข้าก็ฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว คราวนี้แหละ พวกเจ้าจะต้อง… ”
ยังพูดไม่ทันจบเทพโอดินก็ใบหน้าแข็งค้างไปทันที มือข้างที่ถือหอกกุงนีร์สั่นสะท้านเบาๆ ราวกับพบเจอบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ตรงหน้า
“ นี่มัน เกิดอะไรขึ้น ” เทพซูซาโนะโอะพูดขึ้นด้วยสีหน้าหมองคล้ำ มีท่าทีไม่ต่างไปจากเทพโอดินเท่าไหร่นัก
เพราะที่ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็คือกองซากศพขนาดใหญ่ที่สูงเกือบสิบเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยใบหน้าคุ้นเคยมากมาย ทั้งราชาเทพซูส ทั้งเทพเอ้อหลางเสิน หรือแม้แต่จื่อเวยมหาเทวราช ตลอดจนตัวแทนขุมกำลังแดนสวรรค์อื่นๆ
เหล่าเทพเจ้าที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์…ถูกสังหารจนหมดสิ้น
ในตอนนี้ นอกจากพวกเทพโอดินจะไม่เหลือพันธมิตรให้พึ่งพาแล้ว ก็ยังถูกล้อมกรอบไปด้วยกองกำลังศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วนอีกต่างหาก
ทั้งสมาพันธ์เซียน ทั้งสี่หน่วยรบจตุเทพ หรือแม้แต่กองกำลังทหารติดอาวุธของรัฐบาลจีน ต่างก็จ้องมองมาที่พวกเทพโอดินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารทั้งสิ้น
“ ซูซาโนะโอะ จงใช้จิ้งจอกตัวนั้น… ” เทพโอดินได้สติขึ้นมาก่อน จึงรีบสั่งออกมาอย่างร้อนรน แต่ก็น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
“ หนึ่งกระบี่ทลายไร้สิ้นสุด! ”
ฉัวะ!
มองเห็นเทพกระบี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งกระบี่เป็นแนวขวางแล้วฟันออกไปในพริบตา จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักอยู่กับที่ ราวกับห้วงเวลาถูกแช่แข็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน