ณ ดินแดนมรดกอสูรกระบี่
บนยอดเขาสูงเสียดฟ้าที่มีลักษณะคล้ายฝ่ามือ ซึ้งตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสีดำที่เต็มไปด้วยซากศพของเหล่าผู้แข็งแกร่งยุคบรรพกาล
“ ดูเหมือนที่คิดไว้จะถูกจริงๆ มีเพียงบนโลกมนุษย์เท่านั้น ถึงจะใช้พลังงานโกลาหลควบคุมกฎเกณฑ์ได้ ” จ้าวเทียนพูดกับตัวเองเบาๆ หลังจากได้ลองเปลี่ยนสถานที่ทดสอบพลังของตนดู ซึ่งก็พบว่าไม่อาจทำได้อย่างง่ายดายเหมือนบนโลก
เปรี๊ยะ!ๆๆ
หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นประกายสายฟ้าปะทุขึ้นพร้อมกับมีออร่าสีดำปกคลุมฝ่ามือจ้าวเทียนเล็กน้อย เพียงแต่มันดูเบาบางมาก ราวกับแสงเทียนที่กำลังจะมอดดับลง
แตกต่างกับตอนอยู่บนโลก ที่ออร่าสีดำนี้เป็นเหมือนคบเพลิงขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าในยามราตรี ทั้งคุณภาพและปริมาณเหนือกว่าอย่างชัดเจน
‘ แท้จริงแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฉันใช้พลังโกลาหลได้ ก็คือชิ้นส่วนดวงวิญญาณมหาเทพผานกู่และสมบัติสืบทอดที่ถูกผนึกไว้บนโลกมนุษย์ ส่วนการหลอมรวมสิบแก่นแท้ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในกุญแจหลักเท่านั้น ’
เมื่อได้ข้อสรุปที่ต้องการ จ้าวเทียนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่นี้อีกต่อไป เขาจึงใช้แผ่นป้ายสีดำเปิดช่องว่างมิติเพื่อกลับโลกมนุษย์ทันที
แวบ!
ร่างของจ้าวเทียนปรากฏขึ้นอีกครั้งในกระท่อมไม้ของเทพกระบี่ โดยมีบุรุษชุดดำเสวี่ยหลงซึ่งเป็นอาวุธมีชีวิตในตำนานนั่งจิบชารออยู่อย่างสงบ
“ ผู้อาวุโส เรื่องนั้นมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ”
“ เรียนนายน้อย ข้าได้ตรวจสอบอาวุธทุกชิ้นในคลังสมบัติลับหมื่นตะวันแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีชิ้นใดตรงตามเงื่อนไขที่ท่านต้องการเลย ” เสวี่ยหลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าอับจนหนทาง
เพราะตัวเขาเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าภารกิจแรกที่นายน้อยคนใหม่มอบให้ จะเป็นงานหินอย่างการสังหารดวงวิญญาณ ของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผ่านทางร่างอวตาร
“ ในบรรดาอาวุธศักดิ์สิทธิ์นับพัน ไม่มีเลยแม้แต่ชิ้นเดียวที่ใช้ได้งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เขาอุตส่าห์ยอมละเว้นชีวิตเทพโอดินชั่วคราว เพื่อหาวิธีสังหารร่างจริงอีกฝ่ายโดยเฉพาะ ไม่นึกเลยว่ามันกลับไร้ประโยชน์สิ้นดี
“ หากเป้าหมายของท่านเป็นเพียงเทพโลกาขั้นเก้าปกติ มันก็มีอาวุธถึงสามชิ้นที่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าใช้มันกับขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพ โอกาสสำเร็จคงมีไม่ถึงสองส่วน เรื่องนี้ต่อให้เป็นข้าก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เช่นกัน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็ถอนหายใจยาว ในใจรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง ที่จะต้องล้มเลิกการแก้แค้นตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
‘ หืม เดี๋ยวนะ จะว่าไปฉันก็ยังมีอาวุธอีกชิ้นหนึ่ง ที่ได้มาจากตอนสังหารราชันมารตรีเนตรไม่ใช่เหรอ ในเมื่อมันสามารถทำร้ายอาจารย์ปู่ได้ ก็น่าจะใช้กับเทพโอดินได้เหมือนกัน ’
วูป!
บนฝ่ามือจ้าวเทียนมีกริชโลหะสีดำปรากฏขึ้น ซึ่งที่ตรงด้ามจับก็ได้ฝังเพชรสีแดงรูปดวงตาปิศาจขนาดใหญ่เปล่งประกายลึกลับ ทั้งดูชั่วร้ายและหรูหราในเวลาเดียวกัน
นี่คือ กริชมารวิญญาณมรณะ อาวุธระดับเทพมารบรรพกาล ที่ราชันมารตรีเนตรยอมบูชายัญสายโลหิตทั้งเก้ารุ่นของตนเองเพื่อให้ได้มา อานุภาพของมันคือการแลกเปลี่ยนอายุขัยส่วนหนึ่ง เพื่อโจมตีดวงวิญญาณของศัตรูโดยตรง
“ นี่มัน อาวุธมารบรรพกาลต้องห้ามงั้นรึ ”
เสวี่ยหลงคว้ากริชสีดำมาถือไว้ด้วยท่าทีสนอกสนใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ลองตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดขึ้น
“ กริชนี่ได้รับความเสียหายมากเกินไป จนสูญเสียอานุภาพที่แท้จริงไปเกือบครึ่ง ถ้าท่านต้องการใช้งานมันจริงๆ ก็ต้องฟื้นฟูมันให้สมบูรณ์เสียก่อน ”
“ ฟื้นฟูอาวุธมาร คงไม่ใช่ว่า… ”
“ ท่านต้องเซ่นสังเวยดวงวิญญาณเทพหรือมาร จำนวนหนึ่งหมื่นชีวิตที่สืบเชื้อสายโลหิตเดียวกันให้กับกริชเล่มนี้ ” เสวี่ยหลงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะหากจ้าวเทียนเลือกทางนี้จริงๆ ก็คงไม่ต่างจากการประกาศสงครามเต็มตัวกับแดนสวรรค์หรือโลกมารเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน