บนโลกมนุษย์ มหาเทพอวี่หวงจ้องมองเงาร่างบุรุษชุดดำ ที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้าวเทียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ปราศจากท่าทีเย่อหยิ่งเช่นเคย
ถึงแม้ตนเองจะเป็นเพียงร่างเจตจำนงที่จุติลงมา แต่ก็ได้รับการเสริมพลังจากราชโองการจักรพรรดิ ทำให้อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกมนุษย์ จะมาพ่ายแพ้เพราะคำพูดฝ่ายตรงข้ามแค่สามคำได้อย่างไร
ส่วนเรื่องที่เทพโอดินถูกสังหารไปนั้น มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการใหญ่ของมหาเทพอวี่หวงมากนัก ทั้งยังอาจจะมีผลดีมากกว่าซะด้วยซ้ำ
เพราะอย่างน้อยมหาเทพอวี่หวง ก็ไม่ต้องส่งมอบตำแหน่งให้อีกฝ่ายตามข้อตกลงหนึ่งหมื่นปี และยังอาจจะฉวยโอกาสจับปลาตอนน้ำขุ่น ดูดกลืนขุมกำลังฝ่ายพันธมิตรที่ไร้ผู้นำมาเป็นของตนได้อีกด้วย
“ มหาเทพอวี่หวง ในเมื่อหมดธุระแล้ว ก็ถอนเจตจำนงกลับไปเสียเถอะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเขาดูหยาบกระด้างไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ บังอาจ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า หากไม่มีจักรพรรดิบรรพกาลโฮ่วอี้หรือจิตวิญญาณของอาวุธเทพเจ้าคอยช่วยเหลือ มนุษย์อย่างเจ้าก็คงถูกข้าสังหารไปแล้ว ”
ในสายตาของมหาเทพอวี่หวง จ้าวเทียนก็ไม่ต่างไปจากตัวหมากบนกระดานของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ ซึ่งอยู่คนละระดับกับตัวเขาอย่างสิ้นเชิง
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นยอดอัจฉริยะขนาดไหน ก็เป็นเพียงเด็กทารกที่ยังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ สาเหตุที่สามารถสังหารเทพโอดินได้ ก็คงเพราะอาศัยพลังของอาวุธเทพเจ้าระดับสูงเท่านั้นเอง
แวบ!
จ้าวเทียนปล่อยมือจากกระบี่ ส่งผลให้มันบินไปหลอมรวมกับร่างวิญญาณของเสวี่ยหลง แล้วสร้างกายเนื้อแท้จริงขึ้นมา
“ ฉันจะไม่พูดซ้ำ รีบสลายมรรคาจักรพรรดิแล้วกลับแดนสวรรค์ไปซะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงดัง
แม้จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากอาวุธระดับพระเจ้า ตัวเขาก็เหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากราชโองการจักรพรรดิแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างครั้งอดีตที่ต้องระเบิดพลังเกือบทั้งหมดจึงจะฝืนต้านทานเอาไว้ได้
“ หืม ข้าอยากจะรู้นัก ว่าเจ้าจะแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยไปได้ซักเท่าไหร่ ”
สิ้นเสียง มหาเทพอวี่หวงก็ใช้เคล็ดวิชาเจ็ดก้าวแห่งราชัน เหยียบอากาศคุกคามเข้าไปหาเจ้าเทียนช้าๆ
ตูม!
ตูม!
ตูม!
ทุกย่างก้าวของมหาเทพอวี่หวง ทำให้แรงกดดันจากฟ้าดินถาโถมเข้าใส่จ้าวเทียนทุกทิศทาง ราวกับถูกโลกทั้งใบบดขยี้และยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่ง เมื่อเดินมาถึงก้าวที่เจ็ด สีหน้าของมหาเทพอวี่หวงก็หมองคล้ำลงทันที เนื่องจากมันไร้ผลต่อจ้าวเทียนอย่างสิ้นเชิง อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ทรมานตามที่คาดเอาไว้แม้แต่น้อย
“ แปลกใจงั้นรึ ” จ้าวเทียนยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ก่อนจะใช้เคล็ดกายาอมตะขั้นสูงสุด เพื่อเรียกร่างจำแลงราชันจักรพรรดิออกมาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
ครืนนน!
พริบตาที่ เงาร่างบุรุษสวมมงกุฎและชุดคลุมจักรพรรดิปรากฏขึ้นด้านหลังจ้าวเทียน พายุเปลวเพลิงสีทองก็ระเบิดออกมา จนท้องฟ้าทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ เดิมทีฉันอยากจะเก็บความลับนี้ไว้อีกสองเดือน แต่ดูเหมือนคงไม่จำเป็นแล้ว ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอีกครั้ง สิบแก่นแท้ของเขาหลอมรวมเข้ากับโลกภายในเป็นหนึ่งเดียว เกิดเป็นออร่าสีดำปะทุขึ้น
ทันใดนั้น
บางสิ่งที่ถูกผนึกให้หลับใหลอยู่ใจกลางโลกมนุษย์ ก็ถูกกระตุ้นให้ฟื้นคืนพลังขึ้นมาบางส่วน เนื่องจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากร่างจ้าวเทียน มันจึงปลดปล่อยเศษเสี้ยวเจตจำนงของตนเองออกมาผสานเข้ากับเจตจำนงของเขาทันที
‘ หืม นี่มัน ’
เทพมังกรอ๋าวเฟิงที่ยืนคุมเชิงอยู่นอกโลก รีบหันกลับมามองด้วยความตกใจ แม้แต่เทพมังกรอีกแปดตนที่เหลือ ซึ่งคอยเฝ้าเขตอาคมผนึกตามสถานที่ต่างๆบนโลก ก็มีท่าทีตกตะลึงเช่นเดียวกัน
ส่วนทางด้านจ้าวเทียน ที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับจำนวนมหาศาล กำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายตน ก็ทวีความมั่นใจขึ้นอีกหลายส่วน
บูมม!
เหมือนท้องฟ้าถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน ดั่งเช่นสำนวนที่ว่า หนึ่งแผ่นดินหนึ่งราชา พลังของจ้าวเทียนได้ปะทะกับพลังของมหาเทพอวี่หวง ที่ปกคลุมโลกเอาไว้อย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน