ณ โลกอเวจีแห่งมาร ดินแดนมืดมิดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย
ป๋อฮั่นหนึ่งในสามเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นสหายสนิทของโฮ่วอี้ กลายเป็นซากศพถูกเผาไหม้อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงโลกันตร์อันร้อนแรง
ร่างใหญ่โตมหึมาของเขาถูกตัดแยกออกเป็นสิบสามส่วน ทั้งยังโดนโซ่ตรวนมัดตรึงกับโลหะสะกดวิญญาณสิบสามชิ้น เพื่อให้ดวงวิญญาณต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปชั่วกัปชั่วกัลป์
ซึ่งนี่ถือเป็นโทษทัณฑ์สูงสุด ที่ใช้จัดการผู้ทรยศเผ่าพันธุ์มาร…
“ หืม มหาเทพอวี่หวงพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์โลกงั้นรึ ช่างน่าสนใจจริงๆ ” สตรีผมม่วงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
นางมีใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายระยิบระยับดุจดวงดารา สวมชุดผ้าคลุมสีขาวเบาบางทั้งดูยั่วยวนและสูงส่ง
แม้เท้าเปลือยเปล่าของนางจะเหยียบย่ำอยู่บนทะเลเพลิง แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดเลยสักนิด
นี่คือ ปางบุตรีของโบราณาจารย์มารเฮยเหลียน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ที่รอดชีวิตมาจากมหาสงครามบรรพกาลเช่นเดียวป๋อฮั่น เพียงแต่ในปัจจุบันจะมีพลังกล้าแข็งกว่าเทพอสูรอีกสองตนมาก
เพราะเฮยเหลียนถือกำเนิดจากอารมณ์ด้านลบ และรังสีพยาบาทบาปกรรมของทั้งสามภูมิ ไม่ได้เกิดจากเลือดเนื้อของราชันเทพมารอเวจี จึงไม่ได้รับผลกระทบเมื่อเจ้าชีวิตของตนเองตกตาย
ถ้าเปรียบให้พระยูไลคือตัวแทนแห่งแสงสว่าง โบราณาจารย์มารก็คือความมืดมิดของจักรวาล ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันหลายครั้งหลายคราในอดีตกาลโดยที่ไม่มีผู้ใดรับรู้
ในตอนที่พระยูไลจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เคยถูกปางบุตรีของเฮยเหลียนใช้เสน่ห์ยั่วยวนมาก่อน เมื่อไม่สำเร็จก็เปลี่ยนเป็นปางอสูรทำลายล้างสามเศียรหกกร เข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน สุดท้ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายแล้วเลิกรากันไป
แม้แต่ในยุคปัจจุบัน เมื่อมีพระโพธิสัตว์องค์ใหม่กำลังจะบรรลุธรรม ก็จะถูกปางบุตรีหรือปางบุตรเข้าไปยั่วยวนก่อกวนเสมอจนต้องล้มเหลวไปกว่าครึ่ง
เหตุผลส่วนหนึ่ง ที่พระยูไลไม่ค่อยเปิดเผยร่างจริงต่อโลกภายนอก จะบอกว่าเป็นเพราะคอยเฝ้าระวังโบราณาจารย์มารเฮยเหลียนก็คงไม่ผิดนัก ไม่อย่างนั้นทั่วทั้งสามภูมิคงเผชิญหายนะจากมารร้ายตนนี้ไปแล้ว
“ ท่านเฮยเหลียน นี่คือหัวใจทั้งสองดวงและโลหิตทั้งหมดของเทพอสูรป๋อฮั่น ” จักรพรรดิมารปอสวิ๋นผู้ปกครองโลกมาร เดินเข้ามาส่งมอบโถสีแดงใบหนึ่งให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ทั้งสีหน้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยลุ่มหลงเมามายอย่างชัดเจน ราวกับว่าขอเพียงเป็นความต้องการของอีกฝ่าย แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ยอมยกถวายให้โดยไม่ลังเล
“ ป๋อฮั่นมีหัวใจสี่ดวงไม่ใช่รึ เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ”
เพี๊ยะ!
ใบหน้าของจักรพรรดิมารปอสวิ๋นสะบัดไปด้านข้างอย่างแรง จนโลหิตสีดำไหลซึมจากริมฝีปาก แต่แทนที่เขาจะโกรธกลับยิ้มอย่างโง่งมออกมา
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ล้วนอยู่ในสายตาของเจ็ดราชันมารที่เข้าร่วมภารกิจสังหารเทพอสูรป๋อฮั่นทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่มีใครแสดงท่าทีโกรธแค้นที่ผู้เป็นนายโดยหยามเลยสักนิด เนื่องจากพวกเขาเองก็ตกอยู่ในการควบคุมของปางบุตรีเช่นเดียวกัน
“ เหอะ คงอยู่ที่หนูสกปรกสองตัวนั่นสินะ รีบหาตัวพวกมันให้เจอแล้วนำหัวใจอีกสองดวงที่เหลือมามอบให้ข้า ” พูดจบ ปางบุตรีก็นำโถสีแดงจากไปทันที ปล่อยให้จักรพรรดิมารปอสวิ๋นยืนสีหน้าเหม่อลอยราวกับสูญเสียบางอย่างที่สำคัญไป
“ องค์จักรพรรดิ เมื่อสามวันก่อนมีผู้พบเห็นเทพอสูรป๋อฮั่น ฉีกมิติออกมาจากเขตหวงห้ามหุบเขามารอนธการ บางทีพวกคนนอกอาจจะหลบซ่อนอยู่ในนั้น ” หนึ่งในราชันมารพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน