ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล
ระหว่างที่กองกำลังทั้งสองฝ่ายเริ่มมีการปะทะกันเกิดขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากแม่ทัพเทพเอ้อหลางได้เปิดใช้เขตอาคมปิดกั้นอาณาเขต เพื่อขัดขวางไม่ให้สำนักดาราสวรรค์ส่งกำลังเสริมไปช่วยโลกมนุษย์
ทันใดนั้น สีหน้าของบรรดาผู้นำระดับสูงของทั้งสองฝ่ายก็เปลี่ยนไป พร้อมกับรับสั่งให้หยุดการต่อสู้ทันที
“ หืม ไอ้มนุษย์สารเลวนั่นกำลังจะฆ่าตัวตายงั้นรึ ” แม่ทัพเทพเอ้อหลางพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อสังเกตเห็นจ้าวเทียนควบคุมหุ่นเชิดอีกาทองคำสามขา ออกมาจากเขตแดนโลกมนุษย์เพียงลำพัง
“ นี่มัน ศิษย์น้องรีบกลับเข้าไปเร็วเข้า ” คังหลินรีบตะโกนใส่แผ่นป้ายสื่อสารอย่างร้อนรน เพราะศัตรูไม่ได้มีเพียงทหารสวรรค์สิบล้านเท่านั้น มันยังมีขุนพลเทพนาจาและท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ซึ่งเป็นรองแม่ทัพคนสนิทของอดีตแม่ทัพใหญ่หลี่จิ้งอยู่อีกด้วย
นั่นหมายความว่า จ้าวเทียนกำลังจะเผชิญหน้ากับขอบเขตแดนเทพจำนวนสิบล้าน และเทพโลการะดับเก้าถึงห้าคนเลยทีเดียว ต่อให้หุ่นเชิดอีกาทองคำสามขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็คงรับมือไม่ไหวแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน
ทางด้านขุนพลเทพนาจา ที่เพิ่งก้าวออกจากช่องว่างมิติพร้อมกับสี่ท้าวจตุโลกบาล ก็ได้หยิบสมบัติระดับพระเจ้าเจดีย์ทองคำเจ็ดขึ้นมาทันที
“ เหอะ ในเมื่ออยากรนหาที่ตายนัก ข้าก็จะสนองให้ ”
สิ้นเสียง เจดีย์ทองคำก็บินออกจากมือขุนพลเทพนาจา แล้วขยายขนาดขึ้นจนใหญ่โตมโหฬาร ปกคลุมอาณาเขตหลายแสนกิโลเมตร ซึ่งความกดดันที่มันปลดปล่อยออกมา ก็สะกดข่มสายโลหิตบรรพกาลของอีกาทองคำสามขาอย่างสิ้นเชิง
บูมมม!
ปรากฏเป็นลำแสงสีทองยิงออกมาจากยอดเจดีย์ ดูดกลืนจ้าวเทียนกับอีกาทองคำสามขาหายเข้าไปในพริบตา
นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถกักขังผู้มีขอบเขตต่ำกว่าจักรพรรดิเทพได้ทั้งหมด ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามไม่มีอาวุธระดับพระเจ้าหรือเครื่องรางป้องกันจิตวิญญาณระดับสูง โอกาสล้มเหลวก็แทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว
“ อะไร! จบแล้วรึ ”
“ หืม นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปเองใช่ไหม ”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่กำลังจับตาดู รวมไปถึงผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่า อนาคตของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยจะมาจบลงสิ้นลงแบบนี้
“ ฮ่า ฮา ในโลกมนุษย์เจ้าอาจจะไร้เทียมทาน แต่เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว มนุษย์อย่างเจ้าก็เป็นได้แค่มดแมลงในสายตาพวกข้าเท่านั้น ” ขุนพลเทพนาจาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อจัดการศัตรูเก่าได้ความคับแค้นใจที่ผ่านมาก็สลายไปกว่าครึ่ง
เขาตั้งใจจะทรมานจ้าวเทียนซักหนึ่งพันปี และเก็บไว้เป็นเบี้ยต่อรองกับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ เลยไม่คิดจะสังหารในทันที
“ จงกลับมา! ”
ครืนน!
เจดีย์ทองคำสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ราวกับไม่ได้ยินคำสั่งของขุนพลเทพนาจา
“ จงกลับมา! ”
ครืนน!
เป็นอีกครั้ง ที่คำสั่งของขุนพลเทพนาจาไร้ผลโดยสิ้นเชิง ทำให้สีหน้าของเขาเริ่มหมองคล้ำลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตอนนี้ ที่เริ่มสัมผัสถึงการเชื่อมโยงระหว่างตัวเขากับเจดีย์ทองคำเจ็ดชั้น ได้ถูกลบหายไปเรื่อยๆ
‘ บัดซบ ถึงแม้ข้าจะยังไม่ได้เป็นเจ้าของเจดีย์ทองคำโดยสมบูรณ์ แต่ก็ครอบครองมันมากว่าสองปีแล้ว จะพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์โลกได้อย่างไร ’
สมบัติระดับพระเจ้าทุกชิ้นนั้นมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง การที่ขุนพลเทพนาจายังไม่อาจเป็นเจ้านายที่แท้จริงของมันได้ นั่นก็แสดงว่าเขาขาดคุณสมบัติบางประการไป ซึ่งจ้าวเทียนก็รับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ เขาจึงต้องการใช้เคล็ดวิชาลับช่วงชิงเจดีย์ทองคำมาเป็นของตน
“ จงกลับมา! ”
“ จงกลับมา! ”
“ จงกลับมา! ”
ขุนพลเทพนาจาตะโกนเสียงดังด้วยความคลุ้มคลั่ง นี่คือสมบัติสืบทอดที่บิดาตนเองเหลือทิ้งไว้ก่อนตาย จะยอมปล่อยให้ถูกศัตรูยึดไปไม่ได้เป็นอันขาด
พร๊วดดด!
สุดท้ายเมื่อเห็นสถานการณ์อยู่นอกเหนือความควบคุม ขุนพลเทพนาจาจึงใช้แก่นโลหิตตนเองซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกับหลี่จิ้ง เพื่อบีบบังคับแย่งสิทธิ์ในการควบคุมคืนมา
“ เหอะ ในเมื่อแย่งมาไม่ได้ งั้นก็ทำลายมันซะ ”
เสียงจ้าวเทียนดังออกมาจากชั้นบนสุดของเจดีย์ทองคำ สมบัติชิ้นนี้มีอานุภาพน่ากลัวเกินไป เขาไม่อาจปล่อยให้ศัตรูมีไว้ในครอบครองได้ ไม่อย่างนั้นกองทัพฝ่ายตนคงถูกมันจัดการไม่เหลือแน่
“ ฮ่า ฮา คิดทำลายเจดีย์ของข้างั้นรึ เจ้าเป็นใครกัน! แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินอย่างเห้งเจียยังทำไม่ได้เลย ” ขุนพลเทพนาจาหัวเราะเย้ยหยัน
ตอนนี้เขาได้สังเวยโลหิตตนเองเพื่อเอาชนะจ้าวเทียนแย่งสิทธิ์ในการควบคุมเจดีย์กลับมาชั่วคราว ซึ่งถือได้ว่ากลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
“ ดูเหมือน แกจะหลงลืมอะไรบางอย่างไปนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน