จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 565

เมื่อกำแพงป้องกันโลกมนุษย์ถูกทำลาย มันก็ได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนดังไปทั่วทั้งโลก ทำให้ปุถุชนคนธรรมดาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เหล่าสรรพสัตว์พากันซ่อนกายหลบหนีเอาตัวรอด

ครืนนน!

บนท้องฟ้าได้ปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่มองเห็นความดำมืดของจักรวาล ก่อนจะมีเงาร่างสีทองนับหมื่นนับแสนบุกทะลวงเข้ามาอย่างดุดัน

แวบ!

ภาพนิมิตของปรากฏการณ์นี้ได้ถูกแสดงอยู่เหนือท้องฟ้าทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ประเทศอะไรหรือสถานที่ห่างไกลแค่ไหน ขอเพียงเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ก็ล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ทหารสวรรค์แต่ละนายมีขนาดตัวสูงใหญ่เท่ากับตึกสิบชั้น สวมใส่ชุดเกราะสีทองเงาวับเปล่งประกายเจิดจ้า ความกดดันที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ

นี่คือออร่าสะกดข่มของเผ่าพันธุ์เทพ ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารและเป็นเผ่าพันธุ์ผู้ปกครองที่แท้จริงแห่งจักรวาล

ถึงแม้รัฐบาลแต่ละประเทศจะมีการประกาศเตือนล่วงหน้า แต่ก็ยังเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นตามสถานที่พักอาศัยของประชาชนอยู่ดี เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นกองทัพเทพสวรรค์มากมายหลายแสน ฉีกเปิดท้องฟ้าลงมากับตาตัวเอง

“ องค์มหาเทพมีบัญชา โลกมนุษย์ที่ถูกครอบครองโดยกลุ่มเซียนชั่วร้าย ย่อมนำหายนะมาสู่ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาล ซึ่งหนทางเดียวที่จะป้องกันภัยพิบัติในอนาคตได้ ก็มีแต่ต้องกำจัดต้นตอแห่งเภทภัยเท่านั้น”

“ ทัพสวรรค์ทั้งหมด จงตามข้าไปสังหารศัตรู! ”

ขุนพลน้อยแห่งทัพสวรรค์ ประกาศความชอบธรรมออกมาตามธรรมเนียมก่อนเริ่มสงคราม เขาคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในกองทัพสวรรค์ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากขุนพลเทพนาจาให้เป็นผู้นำปฏิบัติภารกิจกวาดล้างในครั้งนี้

“ ข้าขออุทิศชีวิต เพื่อวังสวรรค์สูงสุด ”

“ ทำลายประตูเซียน แล้วสังหารพวกมันให้หมด ”

“ แต้มผลงานต้องเป็นของข้า ”

ทหารสวรรค์ทั้งห้าแสนนายร้องตะโกนขึ้นเสียงดัง แววตาของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่ง ทั้งอยากได้ชื่อเสียงยศถาบรรดาศักดิ์และต้องการแก้แค้นให้กับสหายที่ถูกจ้าวเทียนสังหาร

สำหรับข่าวลือเรื่องความแข็งแกร่งเกินจริงของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงแม้แต่น้อย เหมือนดังสำนวนที่ว่าโคหนุ่มไม่กลัวพยัคฆ์ ตราบใดที่ยังไม่ได้ลองต่อสู้วัดสูงต่ำกัน พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับว่าตนเองด้อยกว่าแน่นอน

โดยเฉพาะขุนพลน้อยแห่งทัพสวรรค์ ที่ถือกำเนิดมาจากตระกูลชั้นสูง ทุกครั้งที่ผู้อาวุโสในตระกูลบอกเล่ายกยอถึงความแข็งแกร่งของจ้าวเทียน ในใจของเขาก็รู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่าย พึ่งพาการสนับสนุนจากจักรพรรดินีหลินซินเยว่จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนเรื่องที่สังหารราชันเทพโอดินก็เป็นเพราะจิตวิญญาณอาวุธระดับพระเจ้า ไม่ได้อาศัยความสามารถของตัวเอง

‘ อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค ที่สามารถบรรลุเต๋าเป็นคนแรกในห้าหมื่นปีงั้นรึ หากข้าไม่ต้องถูกเกณฑ์เข้ากองทัพหลายสิบปี ก็คงทำได้เหมือนกัน ’

ขุนพลน้อยคิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ครั้งนี้พวกตนมีจำนวนมากกว่าอีกฝ่ายนับหมื่นเท่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขอบเขตฝึกตนที่สูงกว่าหนึ่งขั้นใหญ่ ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว

“ บอสครับ ผมขอจัดการแม่ทัพฝ่ายศัตรูเองได้ไหม พอดีเห็นหน้ามันแล้วรู้สึกคันไม้คันมือชอบกล ” เฉินจิ้งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา เขาหงุดหงิดตั้งแต่เรื่องคำประกาศของอีกฝ่ายแล้ว

“ ระวังตัวด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกล้อมเด็ดขาด ” จ้าวเทียนพูดเตือนอย่างจริงจัง ที่เขาไม่ห้ามก็เพราะอยากดูพัฒนาการของเฉินจิ้งเช่นกัน เพราะได้ข่าวว่าเฉินจิ้งปลุกสายเลือดมังกรมารอเวจีถึงขั้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

“ รับทราบ ” สิ้นเสียง เฉิ้นจิ้งก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้า เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมังกรมารอเวจีขนาดมหึมายาวนับหมื่นเมตร แล้วพุ่งทะยานเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามทันที

“ พวกเธอก็ไปเถอะ เรื่องคุ้มกันประตูเซียนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับเหยาเหยาเอง ” จ้าวเทียนหันไปบอกกับคนอื่นๆ

ยกเว้นโม่ปิงหยูที่ต้องกางเขตแดนแห่งชีวิตสนับสนุนอยู่ด้านนอก เหล่าหญิงสาวที่เหลือต่างจับกลุ่มเข้าเผชิญหน้ากับกองทัพฝ่ายตรงข้ามตามที่ได้วางแผนไว้

“ เพลิงนรกอเวจีขั้นสูงสุด! ”

ก๊าซซ! บูมมมมมม!

เฉินจิ้งอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีดำระเบิดใส่ศัตรูเป็นวงกว้าง ปกคุมอาณาเขตหลายพันกิโลเมตร ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีดำด้วยพิษร้ายแห่งห้วงอเวจี

และยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะพวกโม่ซินหยานทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่อยู่ในร่างครึ่งอสูรคิเมียร่า ก็เปลี่ยนเป็นเงาไปโผล่ด้านหลังกองทัพศัตรู แล้วใช้ท่าไม้ตายปลดปล่อยควันพิษร้ายออกมาพร้อมกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน