เมื่อทหารแกร่งทั้งสิบล้านถูกสังหารจนหมดสิ้น ขุนพลเทพนาจาและสี่ท้าวโลกบาลก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วรีบจากไปทันที
เนื่องจากกระบี่นั้นของจ้าวเทียน ได้บดขยี้เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง จนไม่เหลือความกล้าพอที่จะเรียกกำลังเสริมมาแก้แค้นอีกต่อไป
“ เต๋ากระบี่ราชันสวรรค์งั้นรึ ช่างเป็นนามที่อหังการยิ่งนัก ” แม่ทัพเทพเอ้อหลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน มือขวาที่กำทวนอยู่สั่นสะท้านเบาๆ ราวกับต้องการเผชิญหน้าศัตรูที่เข้มแข็ง
“ ไท่ซ่างเหล่าจวิน ท่านล่ะ คิดเห็นเช่นไรกับเต๋ากระบี่ของมนุษย์คนนั้น ลองบอกมาให้พวกเราได้ฟังหน่อยเถอะ ” หนึ่งในรองแม่ทัพทั้งสี่ของวังสวรรค์ถามออกมาเสียงดัง ทำให้คนอื่นๆเงียบเสียงลงทันที เพราะข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับการเผชิญหน้ากับจ้าวเทียนในอนาคต
“ ตัดกรรม สังหารชีวิต ลบล้างเจตจำนง ช่างเป็นกระบวนท่าที่ร้ายกาจจริงๆ ถึงกับผสมผสานเต๋าแห่งกรรมและเต๋าแห่งกระบี่ไว้ด้วยกัน ไม่นึกเลยว่ามันจะถูกคิดค้นโดยชายหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่ง ”
พูดจบไท่ซ่างเหล่าจวินก็ถอนหายใจยาว ทำไมยอดอัจฉริยะฟ้าประทานเช่นนี้ถึงไม่มาถือกำเนิดภายในนิกายเต๋าบ้าง ไม่อย่างนั้นสามสำนักปราชญ์คงไม่ถูกกดอยู่ภายใต้อำนาจวังสวรรค์เหมือนทุกวันนี้
ถึงแม้เสียงพูดของไท่ซ่างเหล่าจวินจะไม่ดังนัก แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่อยู่ตรงบริเวณนี้ มันกลับดังสะท้านเข้าไปในจิตใจ ราวกับอีกฝ่ายมากระซิบที่ข้างหูก็ไม่ปาน
“ ว่าอย่างไรนะ ทั้งตัดกรรมและปลิดชีพทหารเทพสองแสนนายในกระบี่เดียวงั้นรึ ”
“ เป็นไม่ได้ แม้แต่พระโพธิสัตว์ระดับสูงหรือพระยูไลเอง ก็ยังไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลกรรมของเทพสวรรค์จำนวนมากได้เลย แล้วมนุษย์จะทำได้อย่างไร ”
“ หึหึ โชคดีที่สองปีก่อนบุตรชายของข้าไม่ได้เข้าร่วมกองทัพสวรรค์ มิเช่นนั้นข้าคงต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาลแน่นอน ”
สำหรับเหล่าเทพ ความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเสมอไป เพราะยังมีผู้ยิ่งใหญ่บางคนอาศัยการกลับชาติมาเกิดใหม่ เพื่อทลายขีดจำกัดด้านพรสวรรค์ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ขอเพียงสามารถปลุกความทรงจำในอดีตชาติได้ ไม่ว่าจะด้วยความสามารถของตนเอง หรือได้รับความช่วยเหลือจากมิตรสหายในชาติที่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับคืนมาเป็นเทพเหมือนดังเดิม
แต่ทว่า
การถูกสังหารโดยเต๋ากระบี่ของจ้าวเทียนนั้น คือการตกตายไปอย่างสมบูรณ์ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวอีก ทั้งบุญกุศลและเส้นใยกรรมที่เชื่อมโยงกับบุคคลอื่นๆ จะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง หมดสิทธ์ปลุกความทรงจำในอดีตชาติไปตลอดกาล
“ เต๋ากระบี่ราชันสวรรค์ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ได้แล้ว ข้าต้องรีบเข้าร่วมสำนักดาราสวรรค์ เพื่อพิสูจน์ความสามารถตนเองในสงครามให้ท่านจ้าวเทียนได้เห็น ”
“ ฮ่า ฮา เมื่อครู่นายน้อยคังหลินได้ยอมรับข้าเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกแล้ว ในที่สุดข้าก็จะมีโอกาสได้ศึกษาเต๋ากระบี่สูงสุดเสียที ”
“ นายน้อยคังหลิน นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสำนักดาราสวรรค์ได้หรือไม่ พวกเราไม่ต้องการทรัพยากรใดทั้งสิ้น แค่เพียงได้ฟังนายน้อยจ้าวเทียนเทศนาเต๋าเป็นครั้งคราวก็พอ ”
“ สำนักกระบี่พฤกษาสวรรค์เองก็ขอเข้าร่วมด้วย พวกเรายินดีจ่ายเป็นโอสถจิตวิญญาณหนึ่งร้อยเม็ด สำหรับการเทศนาเต๋าแต่ละครั้ง ”
ต้องโทษที่เต๋ากระบี่ของจ้าวเทียนนั้นมีอานุภาพร้ายกาจจนเกินไป เพราะนอกจากมือกระบี่ไร้สังกัดห้าพันคนในตอนแรก แม้แต่สำนักกระบี่ชั้นนำในแดนสวรรค์ ก็ยังยกขบวนกันมาขอเข้าร่วมสำนักเรื่อยๆ
“ หึหึ ไม่ต้องแย่งกัน ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาทั้งสำนัก ขอเพียงพวกท่านยอมเข้าร่วมต่อสู้ในสงครามวันพรุ่งนี้ พวกเราก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ตัวเขาไม่เคยรู้สึกมีหน้ามีตาขนาดนี้มาก่อน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สำนักดาราสวรรค์ต้องทนกับการถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้อื่น ว่าไม่สมกับการเป็นหนึ่งในเจ็ดขุมกำลังชั้นยอดของแดนสวรรค์
เพราะนอกจากจะไม่มีสำนักหรือนิกายชั้นสูงมาสมัครเข้าร่วมแล้ว แม้แต่ดาวเคราะห์ในสังกัดและอาณาเขตพื้นที่ปกครองก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
‘ ศิษย์น้องนี่ช่างเป็นดาวนำโชคของสำนักดาราสวรรค์จริงๆ ตั้งแต่ท่านอาจารย์รับเขาเป็นศิษย์ สิ่งดีๆก็หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ’
ไม่ใช่แค่คังหลินที่คิดแบบนี้ หลิวจงเสียน ผู้อาวุโสสูงสุด สี่ผู้คุมกฎรวมไปถึงศิษย์ทุกคนในสำนักดาราสวรรค์เองก็คิดแบบเดียวกัน ในใจพวกเขาได้ยกให้จ้าวเทียนเป็นว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปเรียบร้อยแล้ว
“ สามขุมกำลังระดับสูง หกขุมกำลังระดับกลาง ยี่สิบเอ็ดขุมกำลังระดับต่ำ มาขอเข้าร่วมกับสำนักของพวกเรางั้นรึ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง ต่อให้ข้าต้องพลีชีพในสงครามก็ไม่มีสิ่งใดให้ค้างคาใจอีกต่อไป ” บรรพชนรุ่นสิบพูดกับตัวเองเบาๆ น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจไหลออกมาเป็นสาย
แน่นอนว่า เมื่อมีคนได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องมีคนเสียผลประโยชน์เป็นเรื่องธรรมดา จะเห็นได้จากสีหน้าของเทพีอามาเทราสุและเทพโอซีริสที่เริ่มหมองคล้ำลงอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน