สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่199 อสูรไร้เทียมทาน ปราณกระบี่ปกคลุมท้องฟ้า – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ
บท ภาคสามบทที่่199 อสูรไร้เทียมทาน ปราณกระบี่ปกคลุมท้องฟ้า ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หากถามว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในสมาพันธ์เซียน ทั้งระดับสูงและระดับต่ำทุกคนก็จะตอบตรงกันโดยไม่ต้องคิดเลยว่าคือ ผู้นำสมาพันธ์จ้าวเทียน
แต่ถ้าลองเปลี่ยนคำถามเป็น ใครคือคู่ต่อสู้ที่ไม่อยากจะเผชิญหน้าด้วยที่สุดล่ะ เสียงก็จะแตกออกเป็นสองกลุ่มทันที
โดยผู้คนจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นยังตอบว่าจ้าวเทียนเหมือนเดิม ส่วนอีกแปดสิบเปอร์เซ็นที่เหลือนั้นคิดว่าเป็นคนอื่น
ไม่ใช่ทายาทจักรพรรดินีปิงเยว่อย่างลี่เหยาเหยา ไม่ใช่ผู้ถูกเลือกเทพมังกรมารอเวจีอย่างเฉินจิ้ง หรือไม่ใช่แม้กระทั่งผู้สืบทอดจักรพรรดิอสูรกระบี่แสวงพ่ายอย่างเทพกระบี่
หลินซิงเสวียนกับตุ๊กตาหมีของเธอ คือคู่ต่อสู้ที่คนเกือบทั้งสมาพันธ์เซียนไม่อยากจะเผชิญหน้าด้วยที่สุด นี่คือคำตอบที่ไม่มีใครกล้าแย้งเลยแม้แต่คนเดียว
ภาพตุ๊กตาหมีขนาดยักษ์ ใช้กงเล็บอันแหลมคมฉีกประตูเซียนบานใหญ่ มากัดกินเหมือนขนมขบเคี้ยวยังคงฝังแน่นอยู่ในใจทุกคนไม่มีลืมเลือน
โดยเฉพาะกลิ่นอายแห่งความคลุ้มคลั่งกระหายเลือด และออร่าอันน่าสะพรึงกลัวที่ตุ๊กตาหมีตัวนั้นปลดปล่อยออกมาหลังกินประตูเซียนเสร็จแล้ว มันทำให้เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกไปสุดขั้วหัวใจ หนาวสั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณเลยทีเดียว
“ นายหญิง ขออนุญาตให้ข้าสังหารนังเด็กนี่เถอะ ” องค์รักษ์วัลคีรีคนเดิมพูดขึ้นเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยังไม่ถอยไป อันที่จริงตัวนางเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงต้องการอาสาไปหยั่งเชิงศัตรู
“ อย่าประมาท เข้าไปพร้อมกันทั้งหนึ่งกองพันเลย ” มหาเทวีเฟรย่าตอบรับเบาๆ นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งขนาดไหน
“ รับบัญชา ”
ตูมม!
องค์รักษ์วัลคีรีหนึ่งพันคนระเบิดจิตสังหาร ควบม้าเพกาซัสพุ่งทะยานเข้าใส่หลินซิงเสวียนอย่างดุดัน ราวกับต้องการบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามให้แหลกละเอียดในคราวเดียว
ทันใดนั้น
แวบ! ครืนน!
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่ดวงตาทั้งสองของหลินซิงเสวียนมีเปลวเพลิงสีม่วงลุกโชนขึ้น มันได้ผนึกวิญญาณของกองพันองค์รักษ์วัลคีรี่เอาไว้ จนการบุกทะลวงต้องหยุดชะงักลง
“ ในเมื่อพวกคุณเป็นคนเลว งั้นก็จงทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เถอะ ” พูดจบ หลินซิงเสวียนก็โยนตุ๊กตาหมีออกไปทันที
ฟูวววว
พายุเปลวเพลิงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เกิดเป็นวังวนขนาดใหญ่ดูดกลืนสรรพสิ่งเข้าหาตัว แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นทะเลเพลิงสีฟ้ากินอาณาเขตเกือบแสนเมตร
วูปปปป!
ร่างตุ๊กตาหมีได้ขยายขนาดขึ้นจนสูงเกือบสองหมื่นเมตร ใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขาคุนหลุนถึงเท่าตัว กรงเล็บอันแหลมคมงอกออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชติช่วง
ออร่าที่ตุ๊กตาหมีขนาดยักษ์ปลดปล่อยออกมา ทำให้ทั้งศัตรูและพวกเดียวกันที่อยู่ห่างไกลออกไปต้องสยิวกายขึ้นด้วยความหนาวเหน็บ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองพันองครักษ์วัลคีรีที่อยู่ใกล้มาก เพียงแค่สัมผัสโดนเปลวเพลิงสีฟ้าก็รู้สึกแสบร้อนไปสุดขั้วหัวใจ ราวกับดวงวิญญาณกำลังถูกเผาไหม้ก็ไม่ปาน
“ โฮกกกกก ตายซะ! ”
เปรี้ยง! ตูมมมมม!
กงเล็บขนาดยักษ์ตะปบลงมาอย่างรุนแรง มันได้ฉีกกระชากความว่างเปล่าบดขยี้องครักษ์วัลคีรีหลายร้อยคนเป็นชิ้นๆในทีเดียว เพียงสองการโจมตีก็กวาดศัตรูนับพันหายไปทั้งหมด
“ ทะลวงไร้สิ้นสุด! ”
มหาเทวีเฟรย่ารีบหยุดเวลาในเสี้ยววินาที ระเบิดจิตสังหารแทงหอกกุงนีร์ออกไปหลายแสนครั้งในพริบตา
ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มองเห็นคลื่นลำแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน ซัดกระหน่ำใส่ห้วงมิติจนพังทลาย กลืนกินเงาร่างตุ๊กตาหมีขนาดยักษ์หายไปจนหมด
แต่ทว่า
แค่ไม่ถึงสามลมหายใจ ตุ๊กตาหมีอันน่าสะพรึงกลัวก็ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับโซ่สีดำเส้นใหญ่สิบแปดเส้น ที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงผลาญวิญญาณ
“ โฮกกกก! ”
เปรี้ยง! ๆๆๆๆ ตูม!ๆๆ
คราวนี้ที่ต้องระวังไม่ใช่แค่กงเล็บอย่างเดียวแล้ว ทุกครั้งที่โซ่สิบแปดเส้นฟาดหวดเข้าใส่ เหล่าองครักษ์วัลคีรีก็ปลิวกระเด็นกลายเป็นเนื้อบด บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งนั่นก็รวมไปถึง กองทัพวัลคีรีที่ตั้งแนวรบป้องกันอยู่รอบนอกด้วย พวกนางก็โดนลูกหลงตกตายไปเป็นใบไม้ร่วงเชนกัน
บ้าคลั่ง โหดร้าย อำมหิต
สามคำนี้ผุดขึ้นมาในใจสมาพันธ์เซียนทุกคน ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีที่พวกเขาถอนตัวออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงโดนหางเลขไปด้วยแน่นอน
“ กองทัพอมตะห้าแสนนายโจมตีได้ สังหารอสูรร้ายตนนี้ซะ ” มหาเทวีเฟรย่าตะโกนขึ้นอย่างเคร่งเครียด ลางสังหรณ์ของนางถูกต้อง ปีศาจร้ายตนนี้เผชิญหน้าด้วยไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นกองทัพวัลคีรีของนางต้องสูญเสียอย่างหนักแน่นอน
“ ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ”
กองทัพอมตะห้าแสนนายพุ่งทะยานออกไปโดยไร้ความเกรงกลัว ถึงแม้จะถูกโซ่บดขยี้กลางอากาศ พวกเขาสามารถก็ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ในหนึ่งลมหายใจ
ซึ่งก็เหมือนกับตุ๊กตาหมียักษ์ ที่กลืนกินวิญญาณฟื้นฟูตัวเองได้เรื่อยๆ มันจึงกลายเป็นสงครามระหว่างผู้เป็นอมตะขึ้นทันที
“ พวกเจ้าที่เหลือรีบตามข้าไปสังหารจ้าวเทียน เพื่อยึดครองขุมพลังฟ้าดิน ” มหาเทวีเฟรย่าสั่งการอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เคลื่อนไหว พวกลี่เหยาเหยาก็ปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า
เปรี้ยง! ฉัวะ! ตูมมม!
ทั้งหมัด กระบี่ คมมีด ทุกการโจมตีเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ ถึงแม้มหาเทวีเฟรย่าจะใช้หอกปัดป้องส่วนสำคัญเอาไว้ได้
เพราะต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะฟ้าประทานอย่างเช่นจ้าวเทียน ก็ไม่อาจอาศัยพลังของโลกภายใน สร้างปราณกระบี่มากมายมหาศาลแบบนี้ได้
เคร้ง!ๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทันใดนั้น เสียงระฆังแห่งเต๋าก็ได้ดังสะท้อนไปทั่วจักรวาลถึงเก้าครั้ง เหมือนเป็นการยืนยันคำตอบในสิ่งที่ทุกคนกำลังสงสัยยู่
“ เต๋าของข้าคือ…พิภพกระบี่ ”
สิ้นเสียง ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนก็เปล่งแสงเจิดจ้า ทะเลกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดเหมือนดาวบนท้องฟ้า หมุนวนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมเข้าใส่ มหาเทวีเฟรย่ากับองครักษ์วัลคีรีและกองทัพอมตะทุกทิศทาง
ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
องครักษ์วัลคีรีนับพันร่างกายสลายเป็นหมอกเลือดทันที ส่วนกองทัพอมตะนั้นได้ถูกคลื่นกระบี่ผลักดันออกไปนอกโลก สู่ความเวิ้งว้างอันดำมืดของจักรวาล ถึงแม้พวกเขาจะเป็นอมตะไม่มีวันตายก็ไม่อาจเข้าร่วมสงครามได้อีกต่อไป
วูป!
ร่างกายของเทพกระบี่ได้เริ่มแก่ลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยกลับคืนสู่วัยฉกรรจ์เพราะบรรลุขอบเขตเซียนนภา แค่ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็กลายเป็นชราอายุเจ็ดแปดสิบปี แสดงให้เห็นว่าสูญเสียพลังชีวิตไปมากเพียงใด
จนกระทั่ง เมื่อปราณกระบี่เล่มสุดท้ายสลายไป ตรงหน้าเทพกระบี่ก็หลงเหลือเพียงมหาเทวีเฟรย่าที่หลั่งโลหิตโทรมกายเท่านั้น
ไม่ว่าปราณกระบี่จะมีมากมายสุดคณานับแค่ไหน นางก็สามารถอาศัยหอกในมือซ้ายปัดป้องได้หมด แม้จะต้องแลกมาด้วยบาดแผลเต็มตัวก็ตาม
“ ไม่มีทาง มันต้องไม่จบลงแบบนี้ ” มหาเทวีเฟรย่ากัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ ชัยชนะอยู่ตรงหน้าแท้ๆ จะต้องมาพ่ายแพ้ลงเพราะมนุษย์คนเดียวงั้นเหรอ
วิ้งงงง!
เสวี่ยหลงได้ทำลายการผนึก เปลี่ยนร่างเป็นกระบี่โบราณสีดำ บินกลับเข้ามาอยู่ในมือเทพกระบี่เรียบร้อย ขอแค่มีเจ้าของอยู่ใกล้ๆตัวมันก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โซ่ตรวนอสูรก็ไม่อาจฉุดรั้งได้
“ สั่งกองทัพของเจ้า ให้ยอมแพ้ซะ ” เทพกระบี่พูดขึ้นอย่างเย็นชา ถึงแม้จะร่างกายสั่นสะท้านจนยืนแทบไม่ไหว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของยอดปรมาจารย์กระบี่แห่งยุค
“ สั่งให้ข้ายอมแพ้? เจ้าคู่ควรงั้นเหรอ ” พูดจบ มหาเทวีเฟรย่าก็แทงหอกกุงนีร์ออกไปในพริบตาเดียว นางมองออกว่าเทพกระบี่หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว จึงไม่สนใจคำขู่ของฝ่ายตรงข้าม
เปรี้ยง! ตูม!
ร่างของเทพกระบี่ปลิวกระเด็นไปเกือบร้อยเมตร ถึงแม้เขาจะป้องกันรังสีหอกเอาไว้ได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขนขวาจนกระดูกแตกละเอียด
“ เหอะ รอข้าสังหารจ้าวเทียนก่อน แล้วจะมาจัดการเจ้า… ” มหาเทวีเฟรย่ายังพูดไม่ทันจบ ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
ฉัวะ!
คมมีดสีดำที่เต็มไปด้วยพิษร้าย ได้แทงทะลุตัดขั้วหัวใจมหาเทวีเฟรย่าอย่างแม่นยำ โม่ซินหนานได้อาศัยจังหวะที่เทพกระบี่ดึงดูดความสนใจให้ ใช้เคล็ดวิชาแฝงเงาเข้ามาลงมืออย่างเฉียบขาด
“ นี่ข้า…อั่ก! ” มหาเทวีเฟรย่าโกรธจนกระอักเลือด นางรับไม่ได้ที่เทพีสงครามอย่างตนต้องมาจบชีวิตลงเพราะนักฆ่าครึ่งอสูรชั้นต่ำแบบนี้
“ นี่สำหรับ สิ่งที่แกทำกับลูกศิษย์ฉัน ” พูดจบ โม่ซินหนานก็สะบัดคมมีดฟาดฟันด้วยความเร็วสูง เด็ดศีรษะแล้วตัดร่างศัตรูอกเป็นชิ้นๆในพริบตาเดียว
ถึงแม้ที่มหาเทวีเฟรย่าสูญเสียไปจะเป็นแค่เพียงร่างอวตาร แต่ทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของนาง รวมไปถึงความหวังในการขึ้นเป็นกษัตริย์ ได้ถูกคมมีดนี้ทำลายจนหมดสิ้นไม่มีเหลือแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...