สรุปตอน ภาคสามบทที่่200 กลืนกินเพื่อความแข็งแกร่ง – จากเรื่อง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ
ตอน ภาคสามบทที่่200 กลืนกินเพื่อความแข็งแกร่ง ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดยนักเขียน ZigFheZ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
มหาเทวีเฟรย่าได้พ่ายแพ้ลงแล้ว ร่างอวตารของเธอถูกโม่ซินหนานสับออกเป็นชิ้นๆ หลงเหลือเพียงหอกกุงนีร์และแตรเขาสัตว์วัลฮัลลาลอยอยู่บนฟ้าเท่านั้น เพราะอาวุธระดับพระเจ้าทั้งสองนี้คือของจริง จึงไม่สลายหายไปอย่างที่ผ่านๆมา
“ ผู้อาวุโส อาการบาดเจ็บของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ” โม่ซินหนานรีบนำโอสถฟื้นฟูมาป้อนให้เทพกระบี่ด้วยความเป็นห่วง
“ ข้า… ” เทพกระบี่อ้าปากเหมือนจะตอบวาจา แต่กลับมีเพียงลมหายใจอันแผ่วเบาออกมาเท่านั้น
แวบ!
เสวี่ยหลงได้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ แล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ เส้นชีพจรทั่วร่างขาดสะบั้น โลกภายในแห้งเหือด พลังชีวิตถดถอยจนถึงขั้นวิกฤต ดูเหมือนถ้าไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ข้าคงต้องหาเจ้านายคนใหม่สินะ ”
!!
เทพกระบี่หน้าซีดเผือด ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านอย่างแรง นี่ตัวเขาจะกลายเป็นผู้บรรลุเต๋าที่อายุสั้นที่สุดงั้นเหรอ เพิ่งทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่กี่อึดใจ ก็ร่วงหล่นลงมาตายทันที ชีวิตมันจะน่าอนาถเกินไปหรือเปล่า
“ อย่ามองข้าเช่นนั้น นี่คือผลลัพธ์จากการที่เจ้าใช้พลังเกินตัวไปมาก โชคดีแค่ไหนแล้วที่โลกภายในไม่ถูกทำลายจนสิ้นชีพไปเสียก่อน ”
เสวี่ยหลงพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ทั้งที่ภายในใจรู้สึกชื่นชมจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ และพรสวรรค์ของเจ้านายคนใหม่มาก
ติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คืออีกฝ่ายใจร้อนวู่วามอยากอวดวิชาจนเกินไป คนแบบนี้ถ้าไม่ให้บทเรียนซะบ้าง อนาคตข้างหน้าคงอายุสั้นแน่นอน
การที่เสวี่ยหลงจะคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าเทพกระบี่ตัดสินใจเลือกที่จะร่วมมือกับตน ตั้งแต่แรกแทนที่จะลงมือคนเดียว ก็สามารถกวาดล้างกองทัพของมหาเทวีเฟรย่าได้เช่นเดียวกัน
“ ผู้อาวุโสเสวี่ยหลง ไม่มีหนทางใดจะช่วยเหลือได้เลยเหรอ ” โม่ซินหนานถามขึ้นอีกครั้ง หากไม่มีเทพกระบี่คอยดึงดูดความสนใจมหาเทวีเฟรย่าไว้
ตัวเธอก็คงหมดโอกาสแก้แค้นแน่นอน นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เขาปกป้องจ้าวเทียนและชีวิตของผู้คนจำนวนมากเอาไว้อีกด้วย
“ มี ” เสวี่ยหลงตอบสั้นๆ
“ จริงงั้นเหรอ พวกเราต้องทำอย่างไร ” ทั้งโม่ซินหานและเทพกระบี่เริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที
“ รอ ปาฏิหาริย์ ”
!!
“ …….. ” บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ โม่ซินหนานถอนหายใจยาว ส่วนเทพกระบี่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
ทั้งคู่ไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อย ว่าปาฏิหาริย์ที่เสวี่ยหลงบอก ก็คือดักแด้สีทองขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่ใกล้ๆพวกเขาเอง
ทางด้านเสวี่ยหลง หลังจากพูดจบแล้วก็เดินจากไปทันที เขาต้องการตรวจสอบอาวุธเทพเจ้าที่ศัตรูเหลือทิ้งไว้ ว่าจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่
“ หืม เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นเมื่อห้าแสนปีก่อนงั้นเหรอ ทั้งยังมีแต่ชาวแอสการ์ดเท่านั้นถึงใช้ได้ ” เสวี่ยหลงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ ไม่รู้ว่าจะมีรสชาดอย่างไร ข้าเองก็ไม่ได้กินอาวุธระดับพระเจ้ามานานแล้ว ”
!!
วิ้งงง!ๆ
ทั้งหอกกุงนีร์และแตรเขาสัตว์วัลฮัลลา สั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับต้องการหลบหนีจากเสวี่ยหลง แต่น่าเสียดายพวกมันไม่มีเจ้าของอยู่ข้างๆ เลยไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมืออาวุธระดับพระเจ้าในตำนานที่แข็งแกร่งกว่าได้
กร๊วบ!ๆๆ
เหยื่อรายแรกคือหอกกุงนีร์ ซึ่งครอบครองกฎเกณฑ์แห่งกาลเวลาระดับสูง นี่เป็นสิ่งที่เสวี่ยหลงหมายตามานานแล้ว เพราะมันจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการเผชิญหน้ากับเต๋าสวรรค์
ทันใดนั้น
‘ แย่แล้ว ข้าต้องรีบไปหยุดศิษย์พี่หญิงของนายน้อยจ้าวเทียนเดี๋ยวนี้ เพราะเมื่อดวงวิญญาณของทหารพวกนั้นแตกสลายไป นางไม่มีทางดูดกลืนพลังของทหารแอสการ์ดตั้งห้าแสนนายไหวแน่นอน ’
เสวี่ยหลงคิดขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมกับทะลวงฝ่าความว่างเปล่าไปปรากฏด้านบนตุ๊กตาหมีที่กำลังคลุ้มคลั่ง
ซึ่งสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือโซ่สีดำขนาดยักษ์เก้าเส้น ที่โบกสะบัดฟาดใส่อย่างรวดเร็ว ราวกับมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง
เปรี้ยง!ๆๆๆ ตูม!ๆ
เกิดการปะทะกันระหว่างรังสีกระบี่หลายร้อยหลายพันสาย กับตรวนผนึกวิญญาณของตุ๊กตาหมีที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าถี่ยิบ
กึก!ๆ
ในขณะที่เสวี่ยหลงจะใช้ความสามารถหยุดเวลาที่ได้รับมาใหม่ เพื่อผนึกความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกจากทางด้านหลัง ทำให้ต้องหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
“ คุณคิดจะช่วยเหลือคนเลวพวกนี้งั้นเหรอ ” เสียงเย็นชาของหลินซิงเสวียนดังขึ้น เธอเข้ามายืนอยู่ด้านหลังเสวี่ยหลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ห่างเพียงหนึ่งช่วงแขนเท่านั้น
“ เจ้า…เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ” เสวี่ยหลงหันกลับไปถามอย่างเคร่งเครียด เขารู้แล้วว่าศิษย์พี่หญิงของจ้าวเทียนไม่ได้ทำไปเพราะความต้องการของตัวเอง แต่กำลังถูกเด็กสาวควบคุมอยู่ต่างหาก
“ พวกเรากลืนกินพลังศัตรู เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น ” หลินซิงเสวียนตอบ
“ เป็นไปไม่ได้หรอก นี่คือพลังขอบเขตแดนเทพขั้นสูงสุดห้าแสนคนเลยนะ ร่างกายของพวกเจ้าจะแบกรับไหวได้อย่างไร ” เสวี่ยหลงพยายามอธิบายด้วยเหตุผล เขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยมนตราลี้ลับบางอย่าง ซึ่งอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้
“ แค่รอดู… ”
หลินซิงเสวียนตอบกลับไปสั้นๆอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที ก่อนที่เสวี่ยหลงจะตัดสินใจส่งสัญญาณห้ามไม่ให้คนอื่นๆเข้ามายุ่ง แล้วเฝ้ารอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสงบ
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการต่อสู้ของตุ๊กตาหมี รังไหมสีทองขนาดใหญ่ก็เริ่มกระพริบแสงถี่รัว จนเริ่มมองเห็นเงาร่างอันเลือนรางของหนึ่งบุรุษสองกิเลนอยู่ด้านใน
ดูเหมือน ขั้นตอนทุกอย่างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...