ภายในสำนักดาราสวรรค์นั้น มีเคล็ดวิชานักรบวิญญาณที่สามารถฝึกฝนดวงวิญญาณไว้ใช้สร้างกองทัพต่อสู้ได้ แต่จ้าวเทียนในตอนนั้นไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชานี้
หากเขาต้องการจะช่วยเหลือหวังซินหยาง คงต้องลองไปปรึกษากับศิษย์พี่หญิงดู บางทีอาจจะพอมีข้อมูลเคล็ดวิชาในสำนักเก็บเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็คงต้องให้อีกฝ่ายช่วยติดต่อกับท่านอาจารย์ให้
จ้าวเทียนนั้นสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูดของหวังซินหยาง เขาจึงตัดสินใจรับอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในขุมกำลังที่กำลังจะก่อตั้งขึ้น
บริษัทจ้าวหนิงจิวเวลรี่
หลังจากที่จ้าวเทียนจอดรถเรียบร้อย เขาก็พาหวังซินหยางเข้ามาเดินชมบริษัท ระหว่างทางเขาได้เล่ารายละเอียดต่างๆให้ฟังไปบ้างแล้ว
“ พี่ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้บริษัทนี้ล้มละลายให้ผมฟังได้ไหม…เราจะได้สามารถจำแนกมิตรและศัตรูได้ชัดเจน ”
“ เพราะในธุรกิจจิวเวลรี่โดยปกติ จะอาศัยคอนเนคชั่นทางธุรกิจเป็นหลัก มันมีโอกาสน้อยมากที่จะทำให้บริษัทขาดทุนอย่างหนักได้ภายในเดือนเดียว ” หวังซินหยางตั้งข้อสงสัยขึ้น
“ เมื่อหกเดือนก่อน…พ่อของฉันได้จัดงานแสดงเครื่องประดับในเมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่ทุ่มงบประมาณหลายสิบล้าน ทั้งยังเชิญบริษัทคู่ค้าจากต่างประเทศมาเข้าร่วมด้วย”
“ แต่เมื่อถึงวันงาน บริษัทอื่นๆที่เคยเซ็นสัญญากับพวกเราต่างพากันผิดสัญญา ไม่นำเครื่องเพชรมาโชว์ที่งานแสดง ทำให้งานแสดงไม่สามารถดึงผู้เข้าชมไว้ได้ บริษัทของเราจึงต้องเสียค่าปรับให้กับผู้สนับสนุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล ”
“ สุดท้ายพ่อของฉันจึงตัดสินใจใช้เงินในบริษัททั้งหมดไปเช่ายืมเครื่องเพชรจากร้านค้ารายย่อยทั่วเมืองเทียนจิน เพื่อนำมาจัดโชว์ในงาน แต่ใครจะรู้ว่านั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทต้องเสียหายหนักว่าเดิมหลายเท่า ”
“ เพราะในวันจัดแสดงเครื่องประดับวันที่สาม ได้มีพวกโจรติดอาวุธบุกเข้าปล้นเครื่องเพชร ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวัน แต่ทีมรักษาความปลอดภัยก็ทำอะไรไม่ได้เลย พวกเราไม่สามารถจับตัวพวกโจรได้แม้แต่คนเดียว ”
“ สุดท้ายแล้วเราต้องขายกิจการทุกอย่าง รวมทั้งเหมืองพลอยที่เป็นเจ้าของอยู่เพื่อนำเงินไปชดใช้ความเสียหายทั้งหมดให้กับเจ้าของเครื่องเพชรที่เช่ามา”
“ โดยเฉพาะกับบริษัทคู่ค้าจากต่างประเทศ พวกเราถึงกับต้องมอบเหมืองพลอยให้ไปเพื่อชดใช้ความเสียหาย ต่อมาภายหลังพวกเขาก็ยังตัดความสัมพันธ์กับบริษัทเราอีกด้วย” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คนพวกนั้นเหมือนรอเหยียบซ้ำในตอนที่พ่อเขาล้มลง…
“ พี่ได้ตรวจสอบทีมงานรักษาความปลอดภัยดูหรือยังครับ ” หวังซินหยางถามขึ้น
“ เหมือนนายจะมองปัญหาออกแล้วซินะ…ภายหลังพวกเราได้ตรวจสอบทีมงานรักษาความปลอดภัยทั้งหมดจริงๆ แต่ก็พบว่าในจำนวนทีมงานทั้งหมด มีอยู่ 5 คน ที่หลบหนีไป ” จ้าวเทียนมองหวังซินหยางด้วยแววตาชื่นชม ชายหนุ่มคนนี้สามารถมองต้นเหตุออกได้ในทันที
“ พี่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากทางบริษัทรักษาความปลอดภัยได้ใช่ไหม ” หวังซินหยางถามขึ้นอีกครั้ง
“ บริษัทรักษาความปลอดภัยที่มาดูแลงานในวันนั้น เป็นบริษัทของเพื่อนสนิทพ่อฉันเอง ตอนที่พวกเราได้ตรวจสอบรายชื่อของทั้ง 5 คนที่หายไป ก็พบว่าพวกมันใช้เอกสารปลอมเข้ามาทำงาน ”
“ ทั้ง 5 คนนั้นไม่ใช่คนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยตั้งแต่ต้น มีคนซื้อตัวพนักงานของบริษัทฉันให้พาพวกนั้นเข้ามา ส่วนพนักงานคนนั้นก็หอบเงินหนีหายไปในวันเดียวกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยแววตาอำมหิต
ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าทั้งหมดนี้มันคือแผนการที่วางเอาไว้จัดการกับพ่อของเขาตั้งแต่ต้น ต่อมาเขาก็ได้ข้อมูลมาจากหม่าจิ้ง ว่าตัวการที่อยู่เบื้องหลังคืออาของเขาที่อยู่ในตระกูลจ้าวเอง
หลังจากที่ฟังจบหวังซินหยางก็มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น
“ ถ้าพี่มอบหมายเรื่องนี้ให้ผม…ภายในหนึ่งเดือนบริษัทจ้าวหนิงจิวเวลรี่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และผมจะจัดการทุกคนที่มีส่วนร่วมกับเรื่องในครั้งนั้นทั้งหมด ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
เขาไม่ได้พูดถึงตระกูลจ้าวที่อยู่เบื้องหลัง เพราะเขารู้ว่าจ้าวเทียนคงมีแผนจัดการกับคนพวกนั้นเอาไว้แล้ว
“ หนึ่งเดือนงั้นเหรอ…แต่เรื่องนี้คงยืมมือตระกูลของนายไม่ได้หรอก เพราะไม่งั้นพวกมันคงไหวตัวทันกันหมด ” จ้าวเทียนบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
หากคนพวกนั้นรู้ว่าเขามีตระกูลหวังหนุนหลัง ต่อให้ขุดหลุมเอาไว้ พวกมันก็คงไม่กระโดดลงมาแน่นอน เพราะในเมืองเทียนจิน ตระกูลหวังคือผู้ที่มีอำนาจด้านธุรกิจที่สุด
“ ผมตั้งใจเอาไว้แบบนั้นอยู่แล้วครับ…ตอนที่อยู่อเมริกา ผมก็สร้างทีมบริหารของผมเองโดยไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากปู่ของผมเลย ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน