สรุปตอน ภาคสามบทที่่210 ศึกสามจักรพรรดิ ต้น – จากเรื่อง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ
ตอน ภาคสามบทที่่210 ศึกสามจักรพรรดิ ต้น ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดยนักเขียน ZigFheZ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ภายในห้วงมิติจักรวาลคู่ขนาน จักรพรรดินีหลินซินเยว่สวมชุดเกราะสีเงินเปล่งประกายระยิบระยับ ใบหน้างดงามที่ดูเย็นชาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันลึกล้ำ ราวกับต้องการปลิดชีพศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้จงได้
“ ยอมแพ้เสียเถอะหลินซินเยว่ หากเจ้ากลับออกไปตอนนี้ บางทีอาจจะยังพอช่วยชีวิตลูกศิษย์เอาไว้ได้ซักคนหรือสองคนนะ ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะเข้าประสานงานกับพระยูไลรุมโจมตีอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง
ส่วนมหาเทพจูเซียนนั้น ได้หมดสภาพการต่อสู้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเวลานี้ตัวเขาก็กำลังเร่งรีบใช้เคล็ดวิชากายาอมตะ ฟื้นฟูร่างกายตนเองอยู่ในกรงผนึกอัสนีบาตร ของมหาเทพอวี่หวงอย่างเต็มความสามารถ
ต้องโทษที่ในปัจจุบันกฎเกณฑ์ของจักรวาลอ่อนแอเกินไป มหาเทพจูเซียนจึงไม่อาจทะลวงขอบเขตกายเนื้อให้เป็นจักรพรรดิเทพอย่างแท้จริงได้ ทำให้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าจักรพรรดิเทพขั้นต้นเท่านั้น
ยิ่งต้องมาเผชิญหน้า กับผู้สืบทอดสายโลหิตมังกรทองที่บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นกลางอย่างมหาเทพอวี่หวง เมื่อเวลาผ่านไป ความได้เปรียบในตอนแรกก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
“ วาจาไร้สาระ! ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ตวาดเสียงเย็นชา ขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองไปทางมหาเทพจูเซียนด้วยความหงุดหงิด
ทั้งที่อีกฝ่าย เคยรับปากเสียดิบดีว่าจะจัดการมหาเทพอวี่หวงเอง สุดท้ายกลับกลายเป็นนางที่ต้องรับมือศัตรูสองคนเพียงลำพังซะอย่างงั้น
“ คลื่นดารากระจ่างฟ้า ”
ฉัวะ!ๆ วิ้งงง!
จักรพรรดินีหลินซินเยว่โจมตีออกไปสองครั้งในพริบตาเดียว มองเห็นวิถีกระบี่วาดเป็นเส้นโค้งงดงาม เกิดเป็นภาพลวงตาของเงากระบี่มากมายสุดคณานับ ถาโถมเข้าใส่ศัตรูทั้งสองอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เปรี้ยง!ๆๆๆๆ ตูมมมม!
แน่นอนว่า การโจมตีเพียงแค่นี้ย่อมไม่อาจหยุดยั้งมหาเทพอวี่หวงกับพระยูไลได้นานนัก เพราะยังไม่ทันที่จักรพรรดินีหลินซินเยว่จะช่วยทำลายผนึกให้มหาเทพจูเซียนเป็นอิสระ ฝ่ามือสีทองขนาดยักษ์และลำแสงเก้าสีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านางแล้ว
ยิ่งเวลาผ่านไป สถานการณ์ของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ก็ตกเป็นรองอย่างชัดเจน อีกทั้งมหาเทพอวี่หวงยังหาโอกาส ไปทำลายกายทิพย์ของมหาเทพจูเซียนอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขาไม่อาจทำลายผนึกออกมาได้ซักที
สาเหตุที่มหาเทพอวี่หวงต้องทำแบบนี้ ก็เพราะเคล็ดวิชากายาอมตะของมหาเทพจูเซียนมันทรงอานุภาพมากเกินไป
หากบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว ต่อให้หลงเหลือเพียงเจตจำนงก็สามารถฟื้นคืนชีพได้เรื่อยๆซึ่งในอดีตกว่าที่มหาเทพจูเซียนจะถูกสังหาร ฝ่ายตรงข้ามต้องทำลายกายเนื้อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียว
“ หลินซินเยว่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงยอมสวามิภักดิ์ให้กับวังสวรรค์ของข้าซะ แล้วข้าจะมอบตำแหน่งมหาเทพให้เจ้าในอีกหมื่นปีให้หลัง ”
มหาเทพอวี่หวงพยายามใช้คำพูดชักจูงฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง เพื่อแบ่งแยกสมาธิรบกวนความคิดต่อสู้ของศัตรู
“ อย่ามั่นใจเกินไปนัก อวี่หวง สงครามยังไม่จบ ก็ไม่แน่หรอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ”
มหาเทพจูเซียนตะโกนแทรกขึ้น ทำให้จักรพรรดินีหลินซินเยว่ส่งสายตาเย็นชามาให้ทันที นางต้องการให้เขารีบฟื้นฟูร่างกายตัวเองแบบเงียบๆ แทนที่จะดึงดูดความสนใจของศัตรูแบบนี้
“ หึหึ กองทัพของข้ามีจำนวนมากว่าพวกเจ้าสิบเท่า อีกทั้งยังมีแปดผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์เข้าร่วมรบ ต่อให้ลูกศิษย์เจ้าทำลายประตูเซียนจักรพรรดิสำเร็จแล้วอย่างไร คิดว่าเขาจะเอาชนะเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดได้งั้นเหรอ ” มหาเทพอวี่หวงหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ ไม่แน่ ตอนนี้ศิษย์เจ้าอาจจะถูกราชวงศ์เทพแอสการ์ดสังหารไปแล้วก็ได้ เพราะเมื่อประตูเซียนจักรพรรดิถูกทำลาย ข้อจำกัดพลังของโลกมนุษย์ก็คงหายไปพร้อมกัน ”
!!
“ นี่เจ้า วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้นงั้นรึ ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด นางไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะยอมเสียหน้า เพื่อเล่นละครหลอกลวงให้ทุกคนประมาท
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้หยุดต่อสู้กันชั่วคราว เนื่องจาก สิ่งที่มหาเทพอวี่หวงพูดมามันส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อส่งครามทั้งหมด
เพราะจ้าวเทียนคือกุญแจสำคัญที่จะกำจัดเต๋าแห่งสวรรค์ หากเขาถูกสังหารไปจริงๆ ต่อให้เอาชนะสงครามได้สำเร็จก็ไร้ความหมาย
เหนือสิ่งอื่นใด ขนาดสามมหาอำนาจแห่งแดนสวรรค์ที่วางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด ก็ยังหันไปเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ความได้เปรียบที่เคยมีมาของวังสวรรค์ถูกทำลายลงทันที
“ เหตุใดจึงทำสีหน้าเช่นนั้น ไม่ประกาศชัยชนะของเจ้าต่อแล้วงั้นเหรอ ” มหาเทพจูเซียนพูดเยาะเย้ยอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณบางอย่างให้จักรพรรดินีหลินซินเยว่ ซึ่งนางก็พยักหน้าเบาๆ
“ องค์มหาเทพ สนใจศัตรูตรงหน้าก่อน อาตมาได้ออกคำสั่งให้แดนสุขาวดีเข้าร่วมสงครามแล้ว พวกเรายังมีโอกาสเอาชนะได้แน่นอน ” พระยูไลรีบพูดเตือนสติมหาเทพอวี่หวง เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
“ ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่… ” ยังพูดไม่ทันจบ สีหน้าของมหาเทพอวี่หวงก็หมองคล้ำลงทันที เนื่องจากปรากฏกระบี่สีดำยี่สิบแปดเล่ม ล้อมพวกเขาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
“ เหอะ มันสายไปแล้ว ” หลินซินเยว่แค่นเสียงเย็นชา พร้อมทั้งวาดฝ่ามือออกไปเบื้องหน้า ทำให้ห้วงมิติจักรวาลคู่ขนานทั้งหมดสั่นสะเทือน
วิ้งงงง!
ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนถือกำเนิดขึ้นจากความว่างเปล่า และได้เชื่อมโยงกระบี่สำริดยี่สิบแปดเล่มเข้าด้วยกัน เปลี่ยนเป็นตาข่ายฟ้าดินขนาดยักษ์กักขังมหาเทพอวี่หวงกับพระยูไลไว้ด้านใน
“ ค่ายกลยี่สิบแปดดารา รูปแบบสังหาร! ”
ไวเท่าความคิด ห้วงมิติเวลาภายในอาณาเขตค่ายกลก็แข็งตัวขึ้น เพื่อผนึกความเคลื่อนไหวศัตรู ก่อนที่ภาพลวงตาของยี่สิบกลุ่มดาวระระเบิดออกมา
แปรเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่นับล้าน พุ่งทะลวงเข้าใส่เป้าหมายจากทุกทิศทาง ซึ่งพลังของรังสีกระบี่แต่ละสายเทียบเท่าเทพโลการะดับกลาง ทำให้เมื่อรวมกันแล้ว ย่อมสามารถบดขยี้ม่านพลังคุ้มกันขอบเขตจักรพรรดิเทพได้แน่นอน
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มองเห็นกายทิพย์สิบตะวัน ของมหาเทพอวี่หวงและพระยูไลแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนกระทั่งรังสีกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนเจาะทะลุมาถึงร่างจริง มันก็ได้ถูกม้วนภาพบรรพชนมังกรทอง กับดอกบัวแก้วเจ็ดสีต้านทานเอาไว้
หรือนี่…จะเป็นสิ่งที่ทั้งสองเตรียมไว้รับมือค่ายกลยี่สิบแปดดาราโดยเฉพาะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...