ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล
สงครามสามจักรพรรดิกำลังทวีความดุเดือดขึ้นทุกขณะ กองกำลังหลักของแต่ละฝ่ายได้เปิดฉากเข่นฆ่ากันจนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย
ส่งผลให้มีดาวเคราะห์หลายพันดวงต้องระเบิดเป็นจุล ไปเพราะเขตอาคมมหาเวทย์สังหารและอาวุธต้องห้ามทำลายล้างระหว่างดวงดาว
เนื่องจากเริ่มมีเทพโลกาใช้กายทิพย์ขนาดยักษ์เข้าต่อสู้ ทำให้อาณาเขตสนามรบได้ลุกลามแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างไม่หยุดยั้ง จนแทบจะครอบคลุมกาเล็กซี่รกร้างที่ถือกำเนิดใหม่ทั้งหมด
“ ข้าอยากจะรู้นัก ว่าพวกเจ้าจะทนต่อไปได้อีกซักเท่าไหร่ ” เทพเอ้อหลางพูดขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมส่งสัญญาณ ให้ไท่ซ่างเหล่าจวินนำสามสำนักปราชญ์เข้าร่วมต่อสู้
ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียว กับตอนที่ขุนพลเทพนาจาบดขยี้แนวรับของนิกายจูเซียนได้สำเร็จ พอดี ทำให้พวกนักปราชญ์มีโอกาสได้ใช้ทักษะพิเศษในการรี้อถอนค่ายกล ตลอดจนทำลายอาณาเขตกับดักลวงตาต่างๆของศัตรูอย่างเชี่ยวชาญ
ถึงแม้ในตอนแรก กองกำลังฝ่ายมหาเทพอวี่หวงจะเสียขวัญกำลังใจไปมาก เพราะการพลาดท่าเสียทีของผู้นำตนเอง แต่เมื่อตัวตนระดับผู้ยิ่งใหญ่เข้าสู่สนามรบ สถานการณ์ก็พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
เนื่องจาก ทั้งฝ่ายของนิกายจูเซียนและสำนักดาราสวรรค์ ไม่มีผู้ใดสามารถเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์แบบหนึ่งต่อหนึ่งได้เลยแม้แต่คนเดียว
โดยเฉพาะราชาเทพซูสกับเทพแอรีสที่อาละวาดอย่างไร้คู่มือเปรียบติด ทุกครั้งที่เสียงสายฟ้าดังขึ้น ก็จะมีหลายชีวิตต้องดับสูญเป็นเถ้าธุลีทุกคราไป
ถึงแม้บรรพชนรุ่นสิบสำนักดาราสวรรค์ จะส่งสี่ผู้คุมกฎที่ได้รับอาวุธเทพเจ้าออกมา ก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาพ่ายแพ้ออกไปเท่านั้น
“ ฮา ฮ่า ฮา ช่างเป็นพวกไม่ได้ความจริงๆ ต่อให้มีอาวุธเทพเจ้าแล้วอย่างไร สุดท้ายสวะก็คือสวะอยู่ดี ”
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆ
เทพแอรีสฟาดฟันขวานสองคมขนาดยักษ์เข้าใส่สองผู้คุมกฎอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระแทกพวกเขาออกไปให้พ้นทาง จากนั้น ร่างอันใหญ่โตของเขาก็บุกทะลวงไปถึงใจกลางทัพหลักสำนักดาราสวรรค์ในอึดใจเดียว
“ ผนึกทัณฑ์อัสนีบาต! ”
แวบ! ครืนนน!
ราชาเทพซูสเขวี้ยงสายฟ้าสีทองออกไป ปรากฏเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสายฟ้าขนาดยักษ์กักขังสี่ผู้คุมกฎไว้ด้านใน เพื่อเปิดโอกาสให้เทพแอรีส เข้าไปสร้างความเสียหายให้กองทัพศัตรูมากที่สุด
“ เจ็ดขวานสะบั้นพิภพ! ”
เปรี้ยงง!ๆๆๆๆๆๆ ตูมมม!
เพียงเทพแอรีสฟาดพันขวานออกไปเจ็ดครั้งซ้อน เขตอาคมป้องกันอันแข็งแกร่งของทัพดาราสวรรค์ก็ถูกทำลาย ทำให้ร่างกายเหล่าศิษย์สำนักดาราสวรรค์นับพันระเบิดเป็นหมอกเลือด ตกตายไปด้วยความคับแค้นใจ
“ บัดซบ เป็นเจ้าอีกแล้ว ”
หลิวจงเสียนตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น พร้อมกับรีบพุ่งทะยานเข้าหาเทพแอรีสโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว เมื่อเห็นโจทย์เก่าที่เคยปะทะด้วยบนโลกมนุษย์ บุกเข้ามาสังหารพวกพ้องในสำนักเป็นว่าเล่น
วูป!
เมื่อร่างของหลิวจงเสียนเคลื่อนย้ายมิติออกมา ก็พบว่าเทพแอริสได้ง้างหมัดเอาไว้รอเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงระเบิดการโจมตีใส่กันทันที
“ หมัดเทพเจ้าสงคราม! ”
“ เคล็ดราชันเสวียนอู่ โลกากัมปนาท! ”
เปรี้ยงง! ตูมมม!
เมื่อเคล็ดวิชาหมัดอันดิบเถื่อนที่อาศัยพละกำลังเหนือขีดจำกัด ปะทะเข้ากับก้อนพลังงานสีดำขนาดยักษ์อันน่าสะพรึงกลัว มันก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ตูมมมมมม! เพล้งงงง!
กำแพงมิติพังทลายเป็นวงกว้าง ความว่างเปล่าถูกทุบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นคลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปหลายสิบระลอก จนเหล่าศิษย์สำนักดาราสวรรค์ที่โดนลูกหลง รีบเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีกันแทบไม่ทัน
ถือเป็นโชคดี ที่ได้จักรพรรดิแสงสว่างและกองกำลังจากโลกทิพย์แห่งแสง เข้ามาสร้างปราการศักดิ์สิทธิ์ปกป้องชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ไว้ เลยยังคงรักษารูปแบบขบวนทัพอันแข็งแกร่งเอาไว้ได้
“ หืม นี่เจ้าบรรลุขอบเขตเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดแล้วงั้นรึ เป็นไปได้อย่างไรกัน ” เทพแอริสจ้องมองหลิวจงเสียนด้วยความแปลกใจ เพราะเมื่อสองเดือนก่อนอีกฝ่ายยังเป็นเพียงเทพโลการะดับแปดเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน