จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 596

สรุปบท ภาคสามบทที่่209 จุดพลิกผันแห่งสงคราม: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่209 จุดพลิกผันแห่งสงคราม – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ

บท ภาคสามบทที่่209 จุดพลิกผันแห่งสงคราม ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล

สงครามสามจักรพรรดิกำลังทวีความดุเดือดขึ้นทุกขณะ กองกำลังหลักของแต่ละฝ่ายได้เปิดฉากเข่นฆ่ากันจนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย

ส่งผลให้มีดาวเคราะห์หลายพันดวงต้องระเบิดเป็นจุล ไปเพราะเขตอาคมมหาเวทย์สังหารและอาวุธต้องห้ามทำลายล้างระหว่างดวงดาว

เนื่องจากเริ่มมีเทพโลกาใช้กายทิพย์ขนาดยักษ์เข้าต่อสู้ ทำให้อาณาเขตสนามรบได้ลุกลามแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างไม่หยุดยั้ง จนแทบจะครอบคลุมกาเล็กซี่รกร้างที่ถือกำเนิดใหม่ทั้งหมด

“ ข้าอยากจะรู้นัก ว่าพวกเจ้าจะทนต่อไปได้อีกซักเท่าไหร่ ” เทพเอ้อหลางพูดขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมส่งสัญญาณ ให้ไท่ซ่างเหล่าจวินนำสามสำนักปราชญ์เข้าร่วมต่อสู้

ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียว กับตอนที่ขุนพลเทพนาจาบดขยี้แนวรับของนิกายจูเซียนได้สำเร็จ พอดี ทำให้พวกนักปราชญ์มีโอกาสได้ใช้ทักษะพิเศษในการรี้อถอนค่ายกล ตลอดจนทำลายอาณาเขตกับดักลวงตาต่างๆของศัตรูอย่างเชี่ยวชาญ

ถึงแม้ในตอนแรก กองกำลังฝ่ายมหาเทพอวี่หวงจะเสียขวัญกำลังใจไปมาก เพราะการพลาดท่าเสียทีของผู้นำตนเอง แต่เมื่อตัวตนระดับผู้ยิ่งใหญ่เข้าสู่สนามรบ สถานการณ์ก็พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที

เนื่องจาก ทั้งฝ่ายของนิกายจูเซียนและสำนักดาราสวรรค์ ไม่มีผู้ใดสามารถเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์แบบหนึ่งต่อหนึ่งได้เลยแม้แต่คนเดียว

โดยเฉพาะราชาเทพซูสกับเทพแอรีสที่อาละวาดอย่างไร้คู่มือเปรียบติด ทุกครั้งที่เสียงสายฟ้าดังขึ้น ก็จะมีหลายชีวิตต้องดับสูญเป็นเถ้าธุลีทุกคราไป

ถึงแม้บรรพชนรุ่นสิบสำนักดาราสวรรค์ จะส่งสี่ผู้คุมกฎที่ได้รับอาวุธเทพเจ้าออกมา ก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาพ่ายแพ้ออกไปเท่านั้น

“ ฮา ฮ่า ฮา ช่างเป็นพวกไม่ได้ความจริงๆ ต่อให้มีอาวุธเทพเจ้าแล้วอย่างไร สุดท้ายสวะก็คือสวะอยู่ดี ”

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆ

เทพแอรีสฟาดฟันขวานสองคมขนาดยักษ์เข้าใส่สองผู้คุมกฎอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระแทกพวกเขาออกไปให้พ้นทาง จากนั้น ร่างอันใหญ่โตของเขาก็บุกทะลวงไปถึงใจกลางทัพหลักสำนักดาราสวรรค์ในอึดใจเดียว

“ ผนึกทัณฑ์อัสนีบาต! ”

แวบ! ครืนนน!

ราชาเทพซูสเขวี้ยงสายฟ้าสีทองออกไป ปรากฏเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสายฟ้าขนาดยักษ์กักขังสี่ผู้คุมกฎไว้ด้านใน เพื่อเปิดโอกาสให้เทพแอรีส เข้าไปสร้างความเสียหายให้กองทัพศัตรูมากที่สุด

“ เจ็ดขวานสะบั้นพิภพ! ”

เปรี้ยงง!ๆๆๆๆๆๆ ตูมมม!

เพียงเทพแอรีสฟาดพันขวานออกไปเจ็ดครั้งซ้อน เขตอาคมป้องกันอันแข็งแกร่งของทัพดาราสวรรค์ก็ถูกทำลาย ทำให้ร่างกายเหล่าศิษย์สำนักดาราสวรรค์นับพันระเบิดเป็นหมอกเลือด ตกตายไปด้วยความคับแค้นใจ

“ บัดซบ เป็นเจ้าอีกแล้ว ”

หลิวจงเสียนตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น พร้อมกับรีบพุ่งทะยานเข้าหาเทพแอรีสโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว เมื่อเห็นโจทย์เก่าที่เคยปะทะด้วยบนโลกมนุษย์ บุกเข้ามาสังหารพวกพ้องในสำนักเป็นว่าเล่น

วูป!

เมื่อร่างของหลิวจงเสียนเคลื่อนย้ายมิติออกมา ก็พบว่าเทพแอริสได้ง้างหมัดเอาไว้รอเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงระเบิดการโจมตีใส่กันทันที

“ หมัดเทพเจ้าสงคราม! ”

“ เคล็ดราชันเสวียนอู่ โลกากัมปนาท! ”

เปรี้ยงง! ตูมมม!

เมื่อเคล็ดวิชาหมัดอันดิบเถื่อนที่อาศัยพละกำลังเหนือขีดจำกัด ปะทะเข้ากับก้อนพลังงานสีดำขนาดยักษ์อันน่าสะพรึงกลัว มันก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

ตูมมมมมม! เพล้งงงง!

กำแพงมิติพังทลายเป็นวงกว้าง ความว่างเปล่าถูกทุบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นคลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปหลายสิบระลอก จนเหล่าศิษย์สำนักดาราสวรรค์ที่โดนลูกหลง รีบเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีกันแทบไม่ทัน

ถือเป็นโชคดี ที่ได้จักรพรรดิแสงสว่างและกองกำลังจากโลกทิพย์แห่งแสง เข้ามาสร้างปราการศักดิ์สิทธิ์ปกป้องชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ไว้ เลยยังคงรักษารูปแบบขบวนทัพอันแข็งแกร่งเอาไว้ได้

“ หืม นี่เจ้าบรรลุขอบเขตเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดแล้วงั้นรึ เป็นไปได้อย่างไรกัน ” เทพแอริสจ้องมองหลิวจงเสียนด้วยความแปลกใจ เพราะเมื่อสองเดือนก่อนอีกฝ่ายยังเป็นเพียงเทพโลการะดับแปดเท่านั้น

ส่งผลให้กองทัพวังสวรรค์เกือบสองล้านนาย ถูกพายุหอกเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนกลืนกิน จนได้บาดเจ็บล้มตายกันเกือบครึ่ง

“ บัดซบ ข้าจะสังหารเจ้าซะ ” ขุนพลเทพนาจาทั้งอับอายทั้งเดือดดาล รีบพาสี่ท้าวจตุโลกบาลและกองกำลังที่เหลือ พุ่งทะยานฝ่ามิติเข้าไปต่อสู้กับพวกคังหลินอย่างดุเดือด ซึ่งยอดฝีมือกระบี่ทั้งหกพันคนก็ได้ตั้งขบวนรบรออยู่เรียบร้อยแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ที่ศูนย์บัญชาการสำนักดาราสวรรค์

“ เหตุใด แม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูถึงไม่ยอมส่งกำลังทั้งหมดออกมา กำลังรออะไรอยู่งั้นเหรอ ” บรรพชนรุ่นสิบพูดขึ้นด้วยท่าทีครุ่นคิด รอบข้างเขามีตัวแทนพันธมิตรแต่ละฝ่ายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์สนามรบอย่างละเอียด

“ ผู้อาวุโส จะให้กองทัพสัตว์อสูรของข้าลงมือเลยหรือไม่ ดูเหมือนนิกายจูเซียนจะรับมือกองทัพโอลิมปัสกับสามสำนักปราชญ์ไม่ไหวแล้ว ” ปิงกู่เหนียงเหนียงอาสานำทัพออกรบด้วยตนเอง

“ เจ้าไปได้ แต่อย่ารุกคืบเข้าไปไกลนัก ตราบใดที่แม่ทัพเอ้อหลางเสินกับสองพิสุทธิ์แห่งเต๋าที่เหลือยังไม่เคลื่อนไหว พวกเราจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด ” บรรพชนรุ่นสิบเน้นย้ำอย่างจริงจัง

“ ข้าเข้าใจแล้ว กองทัพสัตว์อสูรของพวกเรา จะทำเพียงรักษาแนวรบของนิกายจูเซียนเอาไว้เท่านั้น ” ปิงกู่เหนียงเหนียงพยักหน้ารับเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่นางจะก้าวออกจากศูนย์บัญชาการ แผ่นหยกสื่อสารของทุกคนก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

!!

“ นี่มัน เป็นความจริงงั้นรึ ” บรรพชนรุ่นสิบ อ่านข้อความที่อยู่ในแผ่นหยกสื่อสารด้วยแววตาที่ปกปิดความยินดีเอาไว้ไม่มิด และก็ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว คนอื่นๆที่อยู่ในศูนย์บัญชาการก็รู้สึกทั้งตกใจและมีความสุขไม่ต่างกัน

“ กองกำลังโลกมนุษย์เอาชนะกองทัพของมหาเทวีเฟรย่าได้แล้ว อีกทั้งจ้าวเทียนยังบุกเข้าไปกวาดล้างอาณาจักรเทวะตำนานด้วยตนเอง แม้แต่ผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธ์ และเจตจำนงของมหาเทพบูรีก็ยังไม่อาจหยุดยั้งเขาได้ ”

สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ แทบจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์สงครามของแดนสวรรค์ไปในทันที เพราะมันไม่เคยมีเลยซักครั้ง ที่หนึ่งในเจ็ดมหาอำนาจแห่งแดนสวรรค์จะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของคนเพียงคนเดียว

ทันใดนั้น

ครืนนน!

ปรากฏรอยแยกมิติขนาดใหญ่เหนือสนามรบทั้งหมด พร้อมกับมีเทพีอามาเทราสุกับเทพโอซีริส นำพากองกำลังเกือบสิบล้านพุ่งทะยานออกมา

“ นิกายราชันสุริยันจันทรา กับ สำนักสวรรค์อเวจี ขอประกาศเข้าร่วมพันธมิตรสำนักดาราสวรรค์ พวกเรายินดีสนับสนุนให้จักรพรรดินีหลินซินเยว่ เป็นมหาเทพองค์ต่อไป ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน