ภาคสามบทที่่212 เต๋าสวรรค์เคลื่อนไหว! – ตอนที่ต้องอ่านของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ตอนนี้ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ภาคสามบทที่่212 เต๋าสวรรค์เคลื่อนไหว! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ณ มหาวิหารเต๋าสวรรค์เทพเจ้าสูงสุด
บนยอดเขาจักรวาลจุดศูนย์กลางของแดนสวรรค์ทั้งมวล มีตำหนักราชวังสีขาวขนาดใหญ่โตมโหฬารที่มีอาณาเขตครอบคลุมหนึ่งกาเลกซี่
สถานที่แห่งนี้คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการกราบไหว้บูชาจากเหล่าทวยเทพทุกยุคทุกสมัยมาเกือบล้านปี จนแม้แต่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องยอมก้มหัวให้
ภายในท้องพระโรงโออ่ากว้างขวาง ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายมนตราแห่งความลี้ลับ มีเงาร่างอันเลือนรางกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์สีทอง ท่ามกลางลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายเจิดจ้าดุจดวงตะวัน
ทันใดนั้น
แกร่ก!
บนแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ด้านข้างท้องพระโรง หนึ่งในสิบเอ็ดรูปสลักหยกซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับมหาเทพอวี่หวง ได้ก็แตกสลายสลายกลายเป็นฝุ่นผงลอยหายไปในอากาศ
“ หืม อวี่หวงพ่ายแพ้แล้วงั้นรึ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก ”
เมื่อเสียงอันเย็นชาดังออกมาจากลำแสงศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์รูปดวงตาสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งที่เคยเป็นของรูปสลักมหาเทพอวี่หวง ทำให้บางสิ่งที่เพิ่งจะถูกทำลายไปกลับคืนมาอีกครั้ง
“ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าคืออวตารลำดับที่เก้าแห่งเต๋าสวรรค์ ”
แวบ!
สิ้นเสียง รูปสลักของมหาเทพอวี่หวงก็ได้รับชีวิตใหม่ ก่อนจะก้าวเดินลงมาจากแท่นบูชา แล้วโค้งคำนับไปที่เงาร่างซึ่งอยู่ภายในลำแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพ
นับตั้งแต่อวตารลำดับที่เก้าคนเก่า ถูกสังหารไปในเหตุการณ์ทลายนภาของต้วนมู่เฉียน เต๋าสวรรค์ก็พยายามปลูกฝังมหาเทพอวี่หวงขึ้นมาแทนที่
แต่เนื่องจากจิตวิญญาณของมหาเทพอวี่หวงยังคงต่อต้านอยู่ ก็เลยไม่อาจหลอมรวมได้โดยสมบูรณ์ แตกต่างกับในเวลานี้ที่ตัวตนอีกฝ่ายถูกลบหายไปเรียบร้อยแล้ว
“ จงนำหุ่นเชิดสิบจักรพรรดิไปสังหารหลินซินเยว่ซะ อย่าปล่อยให้นางหนีรอดไปได้เด็ดขาด ”
“ ตกลง ข้าจะทำภารกิจให้สำเร็จแน่นอน ” อวตารลำดับที่เก้าพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ก่อนจะวาดฝ่ามือไปทางรูปสลักอดีตมหาเทพทั้งสิบองค์
แวบ!ๆๆๆๆ
สิบมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ก้าวลงมาจากแท่นบูชาทีละองค์ ถึงแม้จะสูญเสียจิตวิญญาณและมรรคาจักรพรรดิไปแล้ว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งเทียบเท่าจุดสูงสุด ของขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นต้น
ยิ่งเมื่อรวมกับอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับที่เก้า ที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นกลาง ด้วยกองกำลังขนาดนี้ย่อมเอาชนะจักรพรรดิขั้นสูงได้อย่างง่าย เช่นเดียวกับตอนเผชิญหน้ากับมหาเทพจูเซียนในอดีต
ครืนน! วูป!
เมื่อสิบเอ็ดจักรพรรดิเทพพุ่งทะยานหายเข้าไปในช่องว่างมิติ ท้องพระโรงมหาวิหารก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
สิบลมหายใจผ่านไป
เงาร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก็ลุกขึ้นก้าวเดินออกมาจากลำแสงศักดิ์สิทธิ์ช้าๆ เขามีรูปโฉมอยู่ในวัยกลางคน จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วทั้งสองพาดเฉียงขึ้นดุจกระบี่ นัยน์ตาลึกล้ำหยามเหยียดสรรพสิ่ง สวมชุดคลุมจักรพรรดิสีดำเปล่งประกายระยิบระยับ
ซึ่งหากเทพกระบี่และเสวี่ยหลงได้เห็นใบหน้าของชายคนนี้ชัดๆ ก็จะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่นอน เพราะเขาคือศัตรูคู่แค้นของจักรพรรดิอสูรกระบี่แสวงพ่ายที่หายตัวไปในอดีต
ปราชญ์กระบี่ฟ้า ฟ่านเจี้ยนหลง!
ขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองเอกภพ!
หนึ่งในสามผู้นำตระกูลใหญ่ แดนสวรรค์ยุคบรรพกาล!
เจ้าวิหารราชันกระบี่ ทายาทรุ่นหลังแห่งผู้ปกครองเอกภพ!
หลังพ่ายแพ้ในการต่อรู้ จนตระกูลฟ่านถูกจักรพรรดิอสูรกระบี่กวาดล้าง ฟ่านเจี้ยนหลงก็สำนึกตัวดี ว่าไม่อาจต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม ที่ได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่เก้าได้
เขาจึงหลบซ่อนกายเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนจะยอมละทิ้งตัวตนหันไปเข้าร่วมกับเต๋าสวรรค์ซึ่งเป็นกองกำลังลึกลับในยุคสมัยนั้น ในฐานะของร่างอวตารลำดับสามที่ยังรักษาสติสัมปชัญญะความนึกคิดสมบูรณ์
ซึ่งทั้งคู่ได้ออกมาจากรังไหมสีดำเรียบร้อยแล้ว และกำลังถูกจับจ้องจากผู้คนจำนวนมากที่แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะทั้งสองได้ดูดกลืนพลังงานฟ้าดินไปเกือบครึ่ง โดยไม่แบ่งผู้อื่น
“ อมิตาพุทธ ในเมื่อบุญวาสนาของพวกเรามีเพียงเท่านี้ ก็จงทำใจยอมรับเถอะ ” หลวงจีนคิ้วขาวรีบเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ส่งผลให้บรรยากาศอันตรึงเครียดลดลงไปเล็กน้อย
ทันใดนั้น
วูป!
จ้าวเทียนก้าวออกมาจากช่องว่างมิติพร้อมเด็กสาวกิเลนทั้งสอง โดยมีร่างของมหาเทวีเฟรย่าและมหาเทวีฟริกก์ที่ถูกปิดผนึกพลังตามออกมาด้วย ส่วนหุ่นเชิดอีกาทองคำสามขานั้น เขาสั่งให้มันปกป้องโลกมนุษย์ในอวกาศรอบนอก
ครืนนน! แวบ!
ไวเท่าความคิด ผีเสื้อตัวน้อยร่างเจตจำนงของโลกมนุษย์ ได้นำตัวมหาเทวีเฟรย่ากับมหาเทวีฟริกก์จากไปในพริบตา เหมือนกลัวว่าจ้าวเทียนจะเปลี่ยนใจไม่มีผิด
‘ ต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ เห็นฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดหรืออย่างไร ’
จ้าวเทียนฝืนยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมาสนใจบรรยากาศรอบๆตัว ทำให้รับรู้ถึงความผิดปกบางอย่าง
“ หืม ทำไมเขตแดนศักดิ์สิทธิ์สลายไปเร็วจัง เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนถามด้วยความสงสัย
เพราะนอกจากลี่เหยาเหยา เฉินจิ้ง เทพกระบี่ และโม่ปิงหยูที่บรรลุขอบเขตเซียนทิพย์สามชั้นฟ้าแล้ว ผู้อาวุโสคนอื่นๆยังอยู่เพียงขอบเขตเซียนทิพย์สองชั้นฟ้ากับหนึ่งชั้นฟ้าเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
“ คือว่า… ” ลี่เหยาเหยาได้เข้ามาอธิบายเรื่องทุกอย่างให้จ้าวเทียนฟัง ทำให้เขารีบหันไปตรวจสอบระดับพลังของหลินซิงเสวียนกับศิษย์พี่หญิงทันที
“ นี่มัน เป็นไปไม่ได้ ” จ้าวเทียนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคล็ดวิชาเนตรจักวาลหมื่นสรรพสิ่งของเขา ไม่อาจมองทะลุระดับพลังของทั้งสองได้ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเทียนจะได้ทดลองดูอีกครั้ง ภาพดวงตาขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าปกคลุมโลกมนุษย์ทั้งหมด พร้อมกับมีลำแสงสีทองเจิดจ้าพุ่งทะลวงลงมาจากแดนสวรรค์
ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...