จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 600

สรุปบท ภาคสามบทที่่213 เคล็ดวิชากระบี่สูงสุดแห่งเอกภพ!: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

ตอน ภาคสามบทที่่213 เคล็ดวิชากระบี่สูงสุดแห่งเอกภพ! จาก จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ภาคสามบทที่่213 เคล็ดวิชากระบี่สูงสุดแห่งเอกภพ! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ที่เขียนโดย ZigFheZ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อสัญลักษณ์ดวงตาสีทองปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกมนุษย์ก็สั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ มันเป็นความหวาดกลัวต่อกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ ที่ควบคุมชะตากรรมของสรรพสิ่งในเอกภพ

“ จงยอมศิโรราบให้บัญชาสวรรค์ ”

ฮูมมม!

สิ้นเสียง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ได้สาดส่องลงมาปกคลุมโลกมนุษย์ พร้อมกับความกดดันอันหนักหน่วงของมรรคาแห่งฟ้าดิน

ส่งผลให้ทั้งมนุษย์ธรรมดารวมไปถึงสรรพสัตว์ ถูกกระแทกลงไปนอนราบบนพื้น พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเป็นสาย

โดยเฉพาะเหล่าผู้ฝึกตนและพวกซูเปอร์ฮีโร่ ที่อยู่บริเวณเทือกเขาคุนหลุนจะได้รับความกดดันมากว่าผู้อื่นหลายร้อยเท่า จนมีบางส่วนเริ่มร่างกายระเบิดกระจายเป็นหมอกเลือด ตกตายไปโดยไร้สภาพศพที่สมบูรณ์

“ บัดซบ อีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดงั้นเหรอ ไม่ซิ มันเหนือยิ่งกว่านั้นอีก ” จ้าวเทียนพยายามสร้างม่านพลังปกป้องคนที่เหลืออย่างเต็มความสามารถ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าศัตรูในครั้งนี้ เหนือกว่าร่างอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับที่เก้ามากนัก

ทันใดนั้น

“ บังอาจ ไม่เห็นหัวพวกข้าเลยงั้นรึ ”

เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะของเทพมังกรทั้งเก้าดังขึ้นพร้อมกัน จนสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งสามภพ จากนั้นเขตอาคมป้องกันของโลกมนุษย์ ก็ถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างเต็มกำลัง

แวบ!

ปรากฏร่างแสงขนาดยักษ์ ซึ่งเกิดจากการผสานพลังกันของเทพเจ้ามังกรทั้งเก้า ปล่อยหมัดทั้งสองออกไป ทำลายสัญลักษณ์ดวงตาสีทองจนแหลกกระจุย

ตูมมมม!

การโจมตีนี้บรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองอย่างแท้จริง ทำให้ชั้นบรรยากาศโลกมนุษย์ถูกเป่าหายไปแถบหนึ่ง แม้แต่ดวงดาวหลายสิบดวงที่อยู่ในอวกาศก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนแทบจะหลุดวงโคจรไป

“ ช่างเป็นการทักทายที่รุนแรงเหลือเกินนะ ”

แวบ!

เงาร่างบุรุษสามคน ปรากฏขึ้นท่ามกลางลำแสงศักดิ์สิทธิ์จากแดนสวรรค์เบื้องบน ทั้งสีหน้าและแววตาของพวกเขาดูเย็นชาเป็นอย่างมาก

“ ขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงสองคน ขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองหนึ่งคน ดูเหมือนแผนดึงดูดความสนใจของพวกเราจะได้ผลนะ ”

ร่างแสงของเทพมังกรทั้งเก้าหันไปสื่อสารทางจิตกับจ้าวเทียน ยิ่งศัตรูส่งผู้แข็งแกร่งลงมามากเท่าไหร่ การป้องกันที่มหาวิหารเต๋าสวรรค์ก็จะอ่อนแอลงเท่านั้น

“ เป็นไปไม่ได้ เจ้า! เจ้าคือฟ่านเจี้ยนหลงงั้นรึ ” เสวี่ยหลงร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้พวกจ้าวเทียนหันมามองด้วยความตกใจ

“ หืม ดูซิ ข้าเจอใคร กระบี่ผุๆของสหายเก่านี่เอง ” ฟ่านเจี้ยนหลงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา พร้อมกับก้าวเดินเหยียบอากาศเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ก็ถูกจ้าวเทียนกับเทพเจ้ามังกรขวางไว้เสียก่อน

“ ฮ่า ฮา มันเป็นแบบนี้เองสินะ ในอดีตเพื่อที่จะหลบหนีการตามล่าของพวกข้า เจ้าถึงขั้นยอมละทิ้งตัวตนกลายเป็นร่างอวตารของเต๋าสวรรค์เลยงั้นเหรอ ไม่รู้สึกอับอายต่อสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลฟ่านบ้างหรือไร ”

พูดจบ เสวี่ยหลงก็หยิบผลึกวิญญาณโกลาหลสามก้อนขึ้นมากลืนกิน นี่คือสิ่งที่เขาเตรียมไว้เพื่อให้ทะลวงขีดจำกัดขึ้นมาเป็นจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดได้ชั่วคราว โดยหลังจากใช้วิธีนี้ก็จะต้องหลับจำศีลนานหลายพันปีเลยทีเดียว

สังหารฟ่านเจี้ยนหลง นี่คือภารกิจที่จักรพรรดิอสูรกระบี่มอบไว้ให้เสวี่ยหลงก่อนตาย เพื่อการนี้เขาถึงขั้นยอมหลบซ่อนตัวหลายล้านปีในดินแดนมรดก เพื่อแอบสืบหาเบาะแสอีกฝ่ายแบบลับๆ จนกระทั่งในที่สุดโอกาสที่เฝ้ารอคอยมานานก็มาถึง

“ ฟ่านเจี้ยนหลง จงรับความตายซะ ”

ฉัวะ!

ลำแสงกระบี่อันน่าหวาดหวั่นเฉือนตัดความว่างเปล่าออกเป็นสองส่วน มิติโดยรอบมีรอยแยกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา นี่คือรังสีกระบี่ที่แฝงไปด้วยจิตสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างแท้จริง

“ เหอะ ก็แค่อาวุธที่สูญเสียเจ้าของ ” ฟ่านเจี้ยนหลงแค่นเสียงอย่างดูถูก พร้อมทั้งปล่อยหมัดซ้ายออกไปโดยไม่หันไปมอง

เปรี้ยง! ตูมม!

คลื่นพลังทำลายล้างที่ปะทุขึ้นทำให้มิติบิดเบือนแยกออก ทั้งความเร็วและความรุนแรงยังเหนือกว่าเสวี่ยหลงเสียอีก ส่งผลให้รังสีกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

แต่ทว่า

ฉัวะ! เปรี้ยง!

ไวเท่าความคิด ร่างของเสวี่ยหลงพุ่งลงไปกระแทกพื้นจนแผ่นดินแตกออกเป็นทางยาว หากไม่ใช่เพราะใช้แขนอีกข้างมาป้องกันลำคอตามสัญชาตญาณ ศีรษะของเขาคงปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าไปเรียบร้อย

‘ นี่มัน ช่างเป็นกระบี่ที่น่าหวาดหวั่นจริงๆ ’

จ้าวเทียนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เขามองไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโจมตีอย่างไร ชักกระบี่ตอนไหน พอรู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างก็จบลงแล้ว

“ ผู้อาวุโส ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ” เทพกระบี่รีบเข้ามาดูอาการเสวี่ยหลง แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมทั้งส่งกระแสจิตกลับมา

“ สถานการณ์เลวร้ายมาก พวกเราไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นเจ้าจงกลับไปหลบซ่อนตัวที่แดนมรดกซะ ข้าจะช่วยดึงดูดความสนใจศัตรูให้เอง ”

“ ท่านจะให้ข้าหนี? ” เทพกระบี่กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ หากเขาหลบหนีเอาตัวรอดคนเดียว แล้วพวกจ้าวเทียนกับมิตรสหายในสมาพันธ์เซียนจะทำอย่างไร

“ ไอเจ้าโง่ อีกฝ่ายกำหนดเป้าหมายมาที่ตัวข้ากับเจ้าอย่างชัดเจน ส่วนคนอื่นๆนั้นมีเทพมังกรกับจ้าวเทียนคอยปกป้องอยู่ คนอ่อนแออย่างเจ้าอยู่ต่อไปจะเป็นภาระให้พวกเขาเปล่าๆ ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เทพกระบี่ก็อึ้งไปทันที เพราะต่อให้เขาจะบรรลุขอบเขตเซียนทิพย์สามชั้นฟ้า แต่ก็อ่อนแอกว่าจ้าวเทียนและเทพมังกรหลายขุม ราวกับแสงหิ่งห้อยอยู่หน้าดวงตะวันไม่มีผิด

“ หากข้ายอมให้ท่านควบคุมร่างกายล่ะ อย่างน้อยความแข็งแกร่งของพวกเราก็จะเพิ่มพูนขึ้นไม่ใช่เหรอ ” เทพกระบี่ยังไม่ยอมแพ้ จะให้หลบหนีหายไปโดยไม่ทันต่อสู้เขาทำไม่ได้จริงๆ

“ บอกต่อเจ้าตามตรง ฟ่านเจี้ยนในตอนนี้ได้ก้าวข้ามจักรพรรดิอสูรกระบี่ในอดีตไปไกลแล้ว ทางเดียวที่พวกเราจะเอาชนะเขาได้ ก็ต้องปรับปรุงเคล็ดวิชาหนึ่งกระบี่ทลายไร้สิ้นสุดให้สมบูรณ์ขึ้นอีกขั้นเท่านั้น ”

“ เพราะนี่คือ เคล็ดวิชาที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อต่อกรกับเคล็ดวิชากระบี่ฟ้าไร้ลักษณ์ของตระกูลฟ่านโดยเฉพาะ เพียงแต่ในเวลานั้น จักรพรรดิอสูรกระบี่ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับผู้บรรลุกระบี่ฟ้าไร้ลักษณ์ขั้นสมบูรณ์มาก่อน”

“ จึงยังขาดปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้หนึ่งกระบี่ทลายไร้สิ้นสุดปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงออกมา ดังนั้นภาระนี้เลยตกเป็นของเจ้า จงเฝ้าดูการต่อสู้ของข้าในดินแดนมรดกให้ดี แล้วทำให้เคล็ดวิชาหนึ่งกระบี่ทลายไร้สิ้นสุดสมบูรณ์ซะ ”

สิ้นเสียง เสวี่ยหลงก็ผลักเทพกระบี่เข้าไปในช่องว่างมิติที่ถูกเปิดขึ้น โดยไม่สนใจรอฟังคำยินยอมจากอีกฝ่าย พร้อมกับตัดขาดพันธสัญญาอาวุธจิตวิญญาณทันที

“ ฟงอู๋หยาง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้การเสียสละของข้าต้องสูญเปล่า ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน