จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 605

สรุปบท ภาคสามบทที่่218 ได้รับโอกาสทะลวงขอบเขตอีกครั้ง: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

ตอน ภาคสามบทที่่218 ได้รับโอกาสทะลวงขอบเขตอีกครั้ง จาก จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ภาคสามบทที่่218 ได้รับโอกาสทะลวงขอบเขตอีกครั้ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ที่เขียนโดย ZigFheZ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ย้อนกลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ในตอนที่จ้าวเทียนกระเด็นหายไปในช่องว่างมิติอันดำมืด ก็ได้มีมือขาวเนียนคู่หนึ่ง ดึงร่างกายของเขาเข้าไปในโลกมายาขั้นสมบูรณ์ ก่อนที่ดาบเสี้ยวพระจันทร์จะระเบิดพอดี

ตูมมมมมม! เพล้งงง!

กำแพงมิติโลกมายาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนปรากฏรอยแตกร้าวแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้จักรพรรดินีปิงเยว่ต้องดึงเอาพลังชีวิตทั้งหมด มารักษาความมีเสถียรภาพของโลกมายานางไว้

“ ผู้อาวุโสปิงเยว่ ให้ฉันช่วยคุณ ” จ้าวเทียนรีบถ่ายทอดพลังเคล็ดวิชากายาอมตะเข้าไปในร่างอีกฝ่ายทันที

“ ข้า…บอกแล้วไง…ว่าอย่าเรียกผู้อาวุโส ” จักรพรรดินีปิงเยว่กัดฟันพูดขึ้นอย่างยากลำบาก ฝ่ามือทั้งสองของนางที่ใช้ควบคุมกำแพงโลกมายา เริ่มแตกสลายเป็นขี้เถ้าปลิวหายไปในอากาศ ทั้งยังลุกลามไปจนถึงท่อนแขนและลำตัว

“ …….. ” จ้าวเทียนรู้สึกหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องให้ก็ไม่ออก แม้แต่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อีกฝ่ายก็ยังมีแก่ใจมาล้อเล่นกับเขาอีก

‘ แย่แล้ว การฟื้นฟูของเคล็ดวิชากายาอมตะชดเชยพลังชีวิตที่สูญเสียไปไม่ทัน อาวุธของหมิงไท่หู่เป็นระดับพระเจ้าขั้นสูงสุดงั้นเหรอ ’

เหมือนจะเป็นอย่างที่จ้าวเทียนคิดไว้ อัตราการเสื่อมสลายของร่างกายจักรพรรดินีปิงเยว่ลุกลามไปเร็วมาก จนจ้าวเทียนต้องคว้าตัวนางหลบหนี ออกไปจากจุดศูนย์กลางแรงระเบิด โดยใช้เคล็ดวิชาก้าวย่างมิติราชัน

ตูมมมมม!

โลกมิติมายาระเบิดเป็นเสี่ยงๆ คลื่นพลังทำลายล้างได้ซัดกระหน่ำใส่แผ่นหลังจ้าวเทียนจนเลือดสาดกระจายกระดูกซี่โครงแตกร้าว ถือเป็นโชคดีที่เขาตัดสินใจได้ทัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน

เพราะจ้าวเทียนไม่ได้บรรลุแก่นแท้แห่งชีวิต และความตายระดับสูงสุดเหมือนมหาเทพจูเซียน เคล็ดวิชากายาอมตะของเขาจึงฟื้นชีพได้เพียงหนึ่งครั้งในยี่สิบลมหายใจเท่านั้น ถ้าต้องมาโดนแรงระเบิดซ้ำสังหารแล้วซ้ำเล่าก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

‘ หากอาวุธระดับพระเจ้าระเบิดบนโลกมนุษย์ อย่าว่าแต่โลกจะถูกทำลายเลย แม้แต่ระบบสุริยะทั้งหมดก็คงไม่เหลือซากแน่ๆ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด พร้อมกับทะลวงมิติออกมายังชายขอบกาแล็กซีทางช้างเผือก บริเวณเขตแดนรกร้างซึ่งเป็นรอยต่อกับกาแล็กซีอื่น

“ เจ้า…คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะโดนจ้าวเทียนโอบกอดไว้แนบแน่น ถึงแม้ร่างกายนางแทบจะสูญสลายไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี

“ ขออภัยที่ล่วงเกิน เอ่อ…อาจารย์ป้า ” จ้าวเทียนรีบปล่อยมือจากอีกฝ่ายทันที ก่อนจะพยายามใช้เคล็ดกายาอมตะฟื้นฟูพลังชีวิตให้อีกครั้ง

“ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังของเจ้าหรอก ร่างอวตารนี้ถึงจำกัดแล้ว ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นเบาๆ ตอนนี้ทั้งแขนขารวมไปถึงร่างกายซีกซ้ายของนางได้หายไปเรียบร้อย

แวบ!

กำไลมิติอันหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน ซึ่งก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เก็บซากศพของจักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิมารต่างภพ

“ เริ่มกันเถอะ พวกเราไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว ”

!!

“ นี่มัน คุณจะมอบหน้าที่ให้ฉันจริงๆเหรอ ” จ้าวเทียนจำได้ว่า ผู้อุทิศซากศพเหล่านี้ให้จักรวาลจะได้รับบุญกุศลและผลประโยชน์มากมาย

ซึ่งมันก็เพียงพอ ที่จะส่งเสริมให้ร่างจริงของจักรพรรดินีปิงเยว่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกลังเลขึ้นมา

“ ด้วยความแข็งแกร่งของฟ่านเจี้ยนหลงตอนนี้ ต่อให้ข้าบรรลุขอบเขตไปอีกขั้นก็เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี สู้เดิมพันทุกอย่างไว้กับตัวเจ้าน่าจะมีโอกาสมากกว่า ” จักรพรรดินีปิงเย่จ้องมองจ้าวเทียนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ รีบทำเร็วเข้า ข้าจะใช้พลังที่เหลืออยู่ช่วยสนับสนุนเจ้าอีกแรง ”

“ ขอบคุณ อาจารย์ป้าที่ช่วยส่งเสริม ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเด็ดขาด ” จ้าวเทียนโค้งคำนับอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วหยิบกำไลมิติมาตรวจสอบดูเพื่อลบตราประทับเจ้าของเดิมออก

แวบ!

ซากศพของนางพญาผีเสื้อเบิกนภาปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน จากนั้นก็เป็นราชันอสูรเทาเที่ยและจักรพรรดิอสูรอีกสองตน รวมไปถึงร่างอวตารของบรรพชนเทพมารต่างภพและจักรพรรดิมารต่างภพ

“ ฟ้าดินแห่งกระบี่! ”

เสวี่ยหลงได้ใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ดูดกลืนพลังงานโกลาหลเข้ามาฟื้นฟูความแข็งแกร่งที่สูญเสียไประหว่างการต่อสู้ ส่งผลให้ระยะเวลาการเสื่อมสลายของตัวเขาถูกเลื่อนออกไป

และก็ไม่ใช่เพียงเสวี่ยหลงผู้เดียวที่ทำแบบนี้ ทั้งเทพเจ้ามังกรและพวกฟ่านเจี้ยนหลงรวมไปถึงเหล่าจักรพรรดิเทพในสนามรบเทพมารบรรพกาล ยกเว้นหุ่นเชิดจักรพรรดิที่สูญเสียจิตวิญญาณ

ต่างก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัวดูดซับพลังงานโกลาหลเข้าไปเดียวกัน เพราะโอกาสงามๆแบบนี้ย่อมไม่มีใครยอมล้าหลังผู้อื่นแน่นอน

“ ดูเหมือน ข้าจะดูถูกพวกเจ้าเกินไปหน่อย คิดจะซ่อมแซมความเสียหายจักรวาลเพื่อส่งร่างจริงของโฮ่วอี้เข้ามาสินะ ” ฟ่านเจี้ยนหลงพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด พร้อมทั้งรีบปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบประตูเอกภพ

‘ หืม ไม่ใช่โฮ่วอี้ กลิ่นอายแบบนี้หรือจะเป็นปิงเยว่งั้นรึ ’

ฟ่านเจี้ยนหลงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเพียงร่างของสตรีชุดขาวปรากฏขึ้นผู้เดียวเท่านั้น ส่วนการคงอยู่ของพวกเทพโฮเดอร์เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

“ อย่าคิดแทรกแซงเลยจะดีกว่า เพราะต่อให้เป็นตัวเจ้าเอง ก็คงทนรับความพิโรธของกฎจักรวาลไม่ไหวแน่ ” เทพเจ้ามังกรพูดเสียงเย็นชา

“ เหอะ เหตุใดข้าจะต้องไปขัดขวางด้วยล่ะ ในเมื่อพวกข้าเองก็ได้รับผลประโยชน์เหมือนกัน ” ฟ่านเจี้ยนหลงตอบกลับอย่างดูถูก ถ้าอีกฝ่ายมีจักรพรรดินีปิงเยว่มาเสริมผู้เดียว ตัวเขารับมือได้สบายมาก

ผ่านไปอีกห้าลมหายใจ

ในที่สุดกระบวนการทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง อาณาเขตของจักรวาลในปัจจุบันได้แผ่ขยายออกไปสามส่วน ทำให้เศษซากดาวเคราะห์หลายล้านล้านดวงฟื้นคืนกลิ่นอายแห่งชีวิตกลับมาดังเดิม

แวบ!

แสงสีทองที่เปรียบเสมือนการอำนวยพรจากเอกภพ ได้ปกคลุมไปทั่วจักรวาลส่งผลสิ่งมีชีวิตทั้งมวลสามารถทะลวงขีดจำกัดได้ง่ายขึ้น

โดยเฉพาะกับผู้ที่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพอยู่แล้ว ถึงกับเริ่มมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดทันที

“ เอาล่ะ พวกเจ้ายังมีแผนการอะไรเก็บซ่อนไว้อีกไหม เพราะถ้ามีเพียงเท่านี้ล่ะก็ ที่นี่จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเจ้าแน่นอน ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน