ตอน ภาคสามบทที่่218 ได้รับโอกาสทะลวงขอบเขตอีกครั้ง จาก จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ภาคสามบทที่่218 ได้รับโอกาสทะลวงขอบเขตอีกครั้ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ที่เขียนโดย ZigFheZ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ย้อนกลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ในตอนที่จ้าวเทียนกระเด็นหายไปในช่องว่างมิติอันดำมืด ก็ได้มีมือขาวเนียนคู่หนึ่ง ดึงร่างกายของเขาเข้าไปในโลกมายาขั้นสมบูรณ์ ก่อนที่ดาบเสี้ยวพระจันทร์จะระเบิดพอดี
ตูมมมมมม! เพล้งงง!
กำแพงมิติโลกมายาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนปรากฏรอยแตกร้าวแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้จักรพรรดินีปิงเยว่ต้องดึงเอาพลังชีวิตทั้งหมด มารักษาความมีเสถียรภาพของโลกมายานางไว้
“ ผู้อาวุโสปิงเยว่ ให้ฉันช่วยคุณ ” จ้าวเทียนรีบถ่ายทอดพลังเคล็ดวิชากายาอมตะเข้าไปในร่างอีกฝ่ายทันที
“ ข้า…บอกแล้วไง…ว่าอย่าเรียกผู้อาวุโส ” จักรพรรดินีปิงเยว่กัดฟันพูดขึ้นอย่างยากลำบาก ฝ่ามือทั้งสองของนางที่ใช้ควบคุมกำแพงโลกมายา เริ่มแตกสลายเป็นขี้เถ้าปลิวหายไปในอากาศ ทั้งยังลุกลามไปจนถึงท่อนแขนและลำตัว
“ …….. ” จ้าวเทียนรู้สึกหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องให้ก็ไม่ออก แม้แต่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อีกฝ่ายก็ยังมีแก่ใจมาล้อเล่นกับเขาอีก
‘ แย่แล้ว การฟื้นฟูของเคล็ดวิชากายาอมตะชดเชยพลังชีวิตที่สูญเสียไปไม่ทัน อาวุธของหมิงไท่หู่เป็นระดับพระเจ้าขั้นสูงสุดงั้นเหรอ ’
เหมือนจะเป็นอย่างที่จ้าวเทียนคิดไว้ อัตราการเสื่อมสลายของร่างกายจักรพรรดินีปิงเยว่ลุกลามไปเร็วมาก จนจ้าวเทียนต้องคว้าตัวนางหลบหนี ออกไปจากจุดศูนย์กลางแรงระเบิด โดยใช้เคล็ดวิชาก้าวย่างมิติราชัน
ตูมมมมม!
โลกมิติมายาระเบิดเป็นเสี่ยงๆ คลื่นพลังทำลายล้างได้ซัดกระหน่ำใส่แผ่นหลังจ้าวเทียนจนเลือดสาดกระจายกระดูกซี่โครงแตกร้าว ถือเป็นโชคดีที่เขาตัดสินใจได้ทัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
เพราะจ้าวเทียนไม่ได้บรรลุแก่นแท้แห่งชีวิต และความตายระดับสูงสุดเหมือนมหาเทพจูเซียน เคล็ดวิชากายาอมตะของเขาจึงฟื้นชีพได้เพียงหนึ่งครั้งในยี่สิบลมหายใจเท่านั้น ถ้าต้องมาโดนแรงระเบิดซ้ำสังหารแล้วซ้ำเล่าก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
‘ หากอาวุธระดับพระเจ้าระเบิดบนโลกมนุษย์ อย่าว่าแต่โลกจะถูกทำลายเลย แม้แต่ระบบสุริยะทั้งหมดก็คงไม่เหลือซากแน่ๆ ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด พร้อมกับทะลวงมิติออกมายังชายขอบกาแล็กซีทางช้างเผือก บริเวณเขตแดนรกร้างซึ่งเป็นรอยต่อกับกาแล็กซีอื่น
“ เจ้า…คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะโดนจ้าวเทียนโอบกอดไว้แนบแน่น ถึงแม้ร่างกายนางแทบจะสูญสลายไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“ ขออภัยที่ล่วงเกิน เอ่อ…อาจารย์ป้า ” จ้าวเทียนรีบปล่อยมือจากอีกฝ่ายทันที ก่อนจะพยายามใช้เคล็ดกายาอมตะฟื้นฟูพลังชีวิตให้อีกครั้ง
“ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังของเจ้าหรอก ร่างอวตารนี้ถึงจำกัดแล้ว ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นเบาๆ ตอนนี้ทั้งแขนขารวมไปถึงร่างกายซีกซ้ายของนางได้หายไปเรียบร้อย
แวบ!
กำไลมิติอันหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน ซึ่งก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เก็บซากศพของจักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิมารต่างภพ
“ เริ่มกันเถอะ พวกเราไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว ”
!!
“ นี่มัน คุณจะมอบหน้าที่ให้ฉันจริงๆเหรอ ” จ้าวเทียนจำได้ว่า ผู้อุทิศซากศพเหล่านี้ให้จักรวาลจะได้รับบุญกุศลและผลประโยชน์มากมาย
ซึ่งมันก็เพียงพอ ที่จะส่งเสริมให้ร่างจริงของจักรพรรดินีปิงเยว่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกลังเลขึ้นมา
“ ด้วยความแข็งแกร่งของฟ่านเจี้ยนหลงตอนนี้ ต่อให้ข้าบรรลุขอบเขตไปอีกขั้นก็เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี สู้เดิมพันทุกอย่างไว้กับตัวเจ้าน่าจะมีโอกาสมากกว่า ” จักรพรรดินีปิงเย่จ้องมองจ้าวเทียนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ รีบทำเร็วเข้า ข้าจะใช้พลังที่เหลืออยู่ช่วยสนับสนุนเจ้าอีกแรง ”
“ ขอบคุณ อาจารย์ป้าที่ช่วยส่งเสริม ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเด็ดขาด ” จ้าวเทียนโค้งคำนับอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วหยิบกำไลมิติมาตรวจสอบดูเพื่อลบตราประทับเจ้าของเดิมออก
แวบ!
ซากศพของนางพญาผีเสื้อเบิกนภาปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน จากนั้นก็เป็นราชันอสูรเทาเที่ยและจักรพรรดิอสูรอีกสองตน รวมไปถึงร่างอวตารของบรรพชนเทพมารต่างภพและจักรพรรดิมารต่างภพ
“ ฟ้าดินแห่งกระบี่! ”
เสวี่ยหลงได้ใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ดูดกลืนพลังงานโกลาหลเข้ามาฟื้นฟูความแข็งแกร่งที่สูญเสียไประหว่างการต่อสู้ ส่งผลให้ระยะเวลาการเสื่อมสลายของตัวเขาถูกเลื่อนออกไป
และก็ไม่ใช่เพียงเสวี่ยหลงผู้เดียวที่ทำแบบนี้ ทั้งเทพเจ้ามังกรและพวกฟ่านเจี้ยนหลงรวมไปถึงเหล่าจักรพรรดิเทพในสนามรบเทพมารบรรพกาล ยกเว้นหุ่นเชิดจักรพรรดิที่สูญเสียจิตวิญญาณ
ต่างก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัวดูดซับพลังงานโกลาหลเข้าไปเดียวกัน เพราะโอกาสงามๆแบบนี้ย่อมไม่มีใครยอมล้าหลังผู้อื่นแน่นอน
“ ดูเหมือน ข้าจะดูถูกพวกเจ้าเกินไปหน่อย คิดจะซ่อมแซมความเสียหายจักรวาลเพื่อส่งร่างจริงของโฮ่วอี้เข้ามาสินะ ” ฟ่านเจี้ยนหลงพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด พร้อมทั้งรีบปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบประตูเอกภพ
‘ หืม ไม่ใช่โฮ่วอี้ กลิ่นอายแบบนี้หรือจะเป็นปิงเยว่งั้นรึ ’
ฟ่านเจี้ยนหลงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเพียงร่างของสตรีชุดขาวปรากฏขึ้นผู้เดียวเท่านั้น ส่วนการคงอยู่ของพวกเทพโฮเดอร์เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ อย่าคิดแทรกแซงเลยจะดีกว่า เพราะต่อให้เป็นตัวเจ้าเอง ก็คงทนรับความพิโรธของกฎจักรวาลไม่ไหวแน่ ” เทพเจ้ามังกรพูดเสียงเย็นชา
“ เหอะ เหตุใดข้าจะต้องไปขัดขวางด้วยล่ะ ในเมื่อพวกข้าเองก็ได้รับผลประโยชน์เหมือนกัน ” ฟ่านเจี้ยนหลงตอบกลับอย่างดูถูก ถ้าอีกฝ่ายมีจักรพรรดินีปิงเยว่มาเสริมผู้เดียว ตัวเขารับมือได้สบายมาก
ผ่านไปอีกห้าลมหายใจ
ในที่สุดกระบวนการทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง อาณาเขตของจักรวาลในปัจจุบันได้แผ่ขยายออกไปสามส่วน ทำให้เศษซากดาวเคราะห์หลายล้านล้านดวงฟื้นคืนกลิ่นอายแห่งชีวิตกลับมาดังเดิม
แวบ!
แสงสีทองที่เปรียบเสมือนการอำนวยพรจากเอกภพ ได้ปกคลุมไปทั่วจักรวาลส่งผลสิ่งมีชีวิตทั้งมวลสามารถทะลวงขีดจำกัดได้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะกับผู้ที่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพอยู่แล้ว ถึงกับเริ่มมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดทันที
“ เอาล่ะ พวกเจ้ายังมีแผนการอะไรเก็บซ่อนไว้อีกไหม เพราะถ้ามีเพียงเท่านี้ล่ะก็ ที่นี่จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเจ้าแน่นอน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...