ภายในดวงแสงแห่งบุญกุศลที่เปล่งประกายเจิดจ้า ร่างกายจ้าวเทียนถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังงานโกลาหลแรกเริ่มของจักรวาล ซึ่งทรงอานุภาพและมีความบริสุทธิ์เหนือกว่าพลังงานฟ้าดินต้นกำเนิดที่เขาเคยใช้มากนัก
“ เซียนทิพย์สิบแก่นแท้งั้นรึ คงต้องสร้างโลกทิพย์ภายในที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมซักสองเท่าขึ้นมาสินะ ”
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับจ้าวเทียน เพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน เพียงแค่เรียกกระบี่ราชันสวรรค์ออกมาไม่กี่อึดใจขั้นตอนทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
วูป!
จ้าวเทียนได้ดึงดูดพลังงานโกลาหลแรกเริ่มทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อฟื้นฟูชิ้นส่วนโลกทิพย์ภายในที่ถูกตัดแบ่งออกมา ให้กลับกลายเป็นโลกทิพย์ที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเกือบสองเท่า
จากนั้น เขาก็เริ่มหลอมรวมแก่นแท้กระบี่ขั้นสูงสุด ที่ได้วิวัฒนาการกลายเป็นเต๋ากระบี่ราชันสวรรค์เข้าไปอย่างช้าๆซึ่งก็ต้องใช้พลังงานโกลาหลเกือบแปดส่วนเลยทีเดียวกว่าจะทำได้สำเร็จ
‘ ช่างเป็นการทะลวงขอบเขตที่สิ้นเปลืองจริงๆ หากเปรียบเทียบพลังงานที่ฉันใช้ไปเป็นผลึกวิญญาณโกลาหล ก็น่าจะเกินจำนวนยี่สิบก้อนเข้าไปแล้ว ’
ตอนนี้จ้าวเทียนเริ่มรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เพราะหากเขาใช้พลังงานโกลาหลทั้งหมดในการบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเซียน
จ้าวเทียนก็มีโอกาสยกระดับขึ้นไปถึงขั้นสูงสุดได้ทันที ซึ่งแตกต่างกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่หลงเหลือพลังงานเพียงพอให้ทะลวงขอบเขตจักรพรรดิเซียนขั้นต้นได้เท่านั้น
บูมมม!
เซียนทิพย์ระดับสิบ!
ที่ด้านหลังจ้าวเทียน ปรากฏภาพดวงอาทิพย์ขนาดเล็กเก้าดวงหมุนวนเป็นวงแหวนอยู่รอบนอก โดยมีดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่เปล่งสว่างแสงเจิดจ้าอยู่ตรงกลาง
นี่คือสัญลักษณ์ของเซียนทิพย์สิบชั้นฟ้าในตำนาน ที่ภายในจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุด จะมีผู้ครอบครองเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
‘ เขตแดนมายาปิดกั้นของอาจารย์ป้าใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว ฉันต้องรีบเดินหน้าขั้นตอนต่อไป ’
จ้าวเทียนเริ่มต้นสร้างมหามรรคาจักรพรรดิขึ้นมาใหม่ทันที โดยใช้รากฐานจากสิ่งที่ตนเคยบรรลุตอนเป็นมหาเทพตี้เทียน ซึ่งเขาก็สามารถสยบจิตมารตนเองและทำมันได้สำเร็จในเวลาไม่นาน
‘ หืม นี่มันเกิดอะไรขึ้น ’
แวบ!
เมื่อจ้าวเทียนหลอมรวมมหามรรคาจักรพรรดิเข้ากับสิบแก่นแท้ ชิ้นส่วนดวงวิญญาณมหาเทพผานกู่ก็ทำปฏิกิริยากับโลกทิพย์ภายในแห่งเต๋ากระบี่ จนก่อเกิดภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวขึ้น
จากนั้น ดวงจิตของจ้าวเทียนก็ถูกดึงดูดไปยังแม่น้ำสายหนึ่ง ที่มีเงาร่างของผู้แข็งแกร่งในอดีตมากมายยืนอยู่ มันคือแม่น้ำที่หลอมรวมสามพันเต๋าในจักรวาลแห่งนี้เอาไว้
ทันใดนั้นเอง
เคร้ง!ๆๆๆๆๆ
เสียงระฆังเต๋าเริ่มดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้แผ่นศิลาต้นกำเนิดที่จากรึกนามของบรรพชนเต๋าและแม่น้ำแห่งเต๋าทั้งสายสั่นสะเทือนทันที
“ จักรพรรดิเซียนเต๋า! ”
“ จักรพรรดิเซียนเต๋า! ”
“ จักรพรรดิเซียนเต๋า! ”
เงาร่างของผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่กลางแม่น้ำแห่งเต๋า ได้ทยอยกันหันกลับมาโค้งคำนับให้จ้าวเทียนทีละคน ก่อนที่จะสลายเป็นละอองแสงสีทองหายไปในศิลาต้นกำเนิด
จนกระทั่ง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบลง สถานที่แห่งนี้ก็หลงเหลือเพียงจ้าวเทียนคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็ได้แต่กวาดตามองไปรอบๆด้วยความสับสน เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ ดูเหมือนช่วงเวลา แห่งการรอคอยอันยาวนานของข้าจะจบสิ้นลงแล้วสินะ ”
!!
จ้าวเทียนรีบหันไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ ซึ่งเขาก็มองเห็นบุรุษผมแดงร่างใหญ่มานั่งตกปลาอยู่ริมแม่น้ำด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ ท่านคือ…มหาเทพผู้สร้างผานกู่งั้นเหรอ ”
ย้อนกลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล สุสานแห่งดวงดาวซึ่งเคยเต็มไปด้วยห้วงมิติที่พังทลาย และเศษซากความพินาศจากมหาสงครามครั้งอดีต
เวลานี้มันกลับปรากฏกลิ่นอายแห่งชีวิตแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้บางสิ่งที่ได้สูญเสียไปเริ่มฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
แต่ทว่า ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งทุกฝ่าย กำลังซึมซับช่วงเวลาแห่งความปิติยินดีของจักรวาล กองทัพแมลงของเสี่ยวมี่เฟิงก็ฉวยจังหวะนี้ บุกทะลวงเข้าไปเปิดฉากเข่นฆ่าถึงแนวหลังศัตรูได้สำเร็จ
ซึ่งมันก็ส่งผลให้เทพเอ้อหลางเสิน ต้องยอมละทิ้งโอกาสในการบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพ แล้วนำสามพิสุทธิ์แห่งเต๋าออกมารับศึกด้วยความคับแค้นใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน