จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 607

สรุปบท ภาคสามบทที่่220 สมบัติโกลาหลแรกเริ่ม: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

สรุปตอน ภาคสามบทที่่220 สมบัติโกลาหลแรกเริ่ม – จากเรื่อง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ

ตอน ภาคสามบทที่่220 สมบัติโกลาหลแรกเริ่ม ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดยนักเขียน ZigFheZ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บริเวณริมแม่น้ำแห่งเต๋า จ้าวเทียนจับจ้องไปที่บุรุษผมแดงซึ่งกำลังนั่งตกปลาอยู่ เพื่อเฝ้ารอคำตอบของคำถามที่ว่า อีกฝ่ายคือมหาเทพผานกู่หรือไม่ เพราะทั้งรูปร่างหน้าตารวมไปถึงกลิ่นอายของทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

“ ทั้งใช่และไม่ใช่ ว่าแต่ เจ้าไม่คิดจะมานั่งสนทนาเป็นเพื่อนข้าหน่อยรึ เวลาของสถานที่แห่งนี้ไหลช้ากว่าโลกภายนอกยี่สิบเท่า รับรองไม่กระทบต่อสถานการณ์ของเจ้าแน่นอน ” บุรุษผมแดงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย โดยที่ไม่ได้เหลือบตามองดูจ้าวเทียนเลยซักนิด

‘ ช่างเป็นคำพูดที่เอาแต่ใจจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ยอมทำตามไปก่อนก็แล้วกัน เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาร้าย ’

หลังถอนหายใจออกมาเบาๆ จ้าวเทียนก็ตัดสินใจเดินมาหยุดลงด้านข้างบุรุษผมแดง แล้วสังเกตสิ่งต่างๆรอบๆตัวเอง

‘ หืม…นี่มัน ’

จ้าวเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นสายเบ็ดของบุรุษผมแดงจมหายเข้าไปในวังวนสีขาวขนาดเล็กเหนือผิวน้ำ ซึ่งเมื่อพยายามเพ่งสายตาดูชัดๆ ก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

‘ ดูคล้ายกำลังตกปลา แต่สายเบ็ดกลับแทรกผ่านเข้าไปในสังสารวัฏ!!! ’

ด้วยเคล็ดวิชาเนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่ง จ้าวเทียนย่อมมองออกว่า สายเบ็ดนั้นทรงพลังถึงขั้นแทรกแซงสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งควบคุมกฎการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพชีวิตในจักรวาล

เพียงแต่กลางสังสารวัฏหกวิถีลึกลับสุดหยั่งคาด เขาจึงไม่อาจสอดส่องถึงส่วนลึกในใจกลาง ที่สายเบ็ดของบุรุษผมแดงจมหายไป

‘ สังสารวัฏหกวิถีเป็นศูนย์กลางสำคัญของการโคจรแห่งสามภูมิ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดกลับชาติมาเกิดล้วนต้องอาศัยมัน ’

‘ ซึ่งแม้แต่ตัวฉันเอง ก็ยังสัมผัสความลึกล้ำของวัฏจักรนี้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่อาจยื่นมือเข้าแทรกแซงกฎหรือควบคุมแก้ไข แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้ก้าวข้ามขอบเขตจักรพรรดิไปเรียบร้อยแล้ว ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างจริงจัง ทำให้บุรุษผมแดงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วหันมาสบตากับเขาเป็นครั้งแรก

‘ หืม นี่เขาอ่านใจฉันได้งั้นเหรอ ’

วูป!

พริบตานั้นเอง ก็ได้เกิดม่านพลังสีขาวปกคลุมร่างกายจ้าวเทียน เพื่อปิดกั้นจิตวิญญาณของเขาจากการตรวจสอบทั้งหมด

“ ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้มีเจตนาจะขุดคุ้ยความลับของเจ้าหรอก ” พูดจบ บุรุษผมแดงก็หันไปให้ความสนใจกับคันเบ็ดในมือเหมือนเดิม

“ ผู้อาวุโส ท่านกำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนกลั้นใจถามขึ้นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตรึงเครียด

“ ข้ากำลังค้นหา กลิ่นอายของวานรตัวหนึ่งในสังสารวัฏหกวิถี ”

“ ท่านกำลังใช้คันเบ็ดนี่…ตกวานร? ” จ้าวเทียนถามย้ำไปอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป วานรที่ไหนจะอ้าปากกินเบ็ดเหมือนปลากัน ต่อให้ใช้กล้วยเป็นเหยื่อล่อก็ตามที

“ ทำไม เจ้าไม่เชื่องั้นรึ? ” บุรุษผมแดงกระตุกสายเบ็ดขึ้นมาให้จ้าวเทียนดู ซึ่งสิ่งที่ผูกติดอยู่ไม่ใช้กล้วยแต่อย่างใด มันกลับเป็นกระดูกหางของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ ปลดปล่อยออร่าสีดำอันน่าหวาดกลัวออกมาตลอดเวลา

“ เมื่อเจ็ดแสนปีก่อน วานรตัวนั้นพยายามบุกรุกเข้ามาที่แม่น้ำแห่งเต๋า เพื่อหวังแย่งชิงของบางอย่างไปจากข้า สุดท้ายมันก็ล้มเหลวกลายเป็นวานรหางด้วนหลบหนีจากไป ”

“ จนกระทั่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว กลิ่นอายวิญญาณที่แท้จริงของมันก็หายไปจากสามภพสามภูมิอย่างไร้ร่องรอย ข้าเลยสงสัยว่ามันใช้วิธีกลับชาติมาเกิดใหม่หรือเปล่า จึงลองค้นหาตัวสังสารวัฏหกวิถีดู ”

บุรุษผมแดงตอบกลับไปอย่างมีความหมาย ทำให้ผู้มีความคิดฉับไวอย่างจ้าวเทียนคาดเดาบางสิ่งออกทันที

“ หรือวานรที่ผู้อาวุโสหมายถึง จะเป็นวานรเทพสามตาที่ควบคุมเต๋าแห่งสวรรค์ ” จ้าวเทียนรู้สึกตกใจมาก เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริงแผนการบุกไปสังหารเต๋าสวรรค์คงล้มเหลวแน่

“ ใช่แล้ว เป็นมันนั่นแหละ แต่เจ้าก็ไม่ต้องหวั่นวิตกเกินไป บางทีมันอาจจะถูกใครบางคนสังหาร หรือไม่ก็หลบหนีออกจากจักรวาลของพวกเราไปแล้วก็ได้ หึหึ ” บุรุษผมแดงหัวเราะอย่างเย็นชา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้คิดตามที่พูดจริงๆ

การต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง ก็ไม่ต่างไปจากการเร่งเวลาตายของอีกฝ่ายให้เร็วขึ้น ซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาก็ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน

“ ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องการเตือนเจ้า ถึงแม้จะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แต่ข้าคิดว่ามีโอกาสถึงแปดส่วน ที่ฝ่ายตรงข้ามจะวางแผนปลดปล่อยราชันเทพมารอเวจีออกจากผนึกในเวลาอันใกล้นี้ ”

!!

“ เป็นไปไม่ได้ อีกฝ่ายจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้นกัน ” จ้าวเทียนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูเหลือเชื่อจนเกินไป

เพราะการปล่อยมหาภัยพิบัติอย่างราชันเทพมารอเวจีออกมา ก็ไม่ต่างไปจากการทุ่มหินลงเท้าตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีผู้ใดได้รับผลประโยชน์ทั้งสิ้น

“ เอาเถอะ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า ” พูดจบ บุรุษผมแดงก็ส่งร่างจ้าวเทียนออกไปจากแม่น้ำแห่งเต๋าทันที

วูป!

“ ดูเหมือน เวลาของข้าก็ใกล้จะมาถึงแล้วสินะ ” บุรุษผมแดงฝืนยิ้มออกมา เมื่อเห็นฝ่ามือของตนเริ่มแตกสลายไปทีละน้อย

เนื่องจากได้ทำภารกิจที่มหาเทพผานกู่มอบหมายมาเสร็จสิ้นแล้ว ร่างแยกอย่างเขาก็ไม่หลงเหลือเหตุผลอะไรที่จะมีชีวิตอยู่อีก

ทันใดนั้น

สวบ!

บุรุษผมแดงได้ควักหัวใจตนเองออกมา แล้วใช้อาคมโบราณผนึกร่างกายของเขาให้กลายเป็นหิน เพื่อช่วยยืดอายุขัยออกไปอีกซักระยะหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

“ ยังก่อน ตราบใดที่ยังไม่ได้สังหารวานรเทพสามตา ข้าก็จะไม่ยอมตายเด็ดขาด ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน