บริเวณริมแม่น้ำแห่งเต๋า จ้าวเทียนจับจ้องไปที่บุรุษผมแดงซึ่งกำลังนั่งตกปลาอยู่ เพื่อเฝ้ารอคำตอบของคำถามที่ว่า อีกฝ่ายคือมหาเทพผานกู่หรือไม่ เพราะทั้งรูปร่างหน้าตารวมไปถึงกลิ่นอายของทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
“ ทั้งใช่และไม่ใช่ ว่าแต่ เจ้าไม่คิดจะมานั่งสนทนาเป็นเพื่อนข้าหน่อยรึ เวลาของสถานที่แห่งนี้ไหลช้ากว่าโลกภายนอกยี่สิบเท่า รับรองไม่กระทบต่อสถานการณ์ของเจ้าแน่นอน ” บุรุษผมแดงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย โดยที่ไม่ได้เหลือบตามองดูจ้าวเทียนเลยซักนิด
‘ ช่างเป็นคำพูดที่เอาแต่ใจจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ยอมทำตามไปก่อนก็แล้วกัน เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาร้าย ’
หลังถอนหายใจออกมาเบาๆ จ้าวเทียนก็ตัดสินใจเดินมาหยุดลงด้านข้างบุรุษผมแดง แล้วสังเกตสิ่งต่างๆรอบๆตัวเอง
‘ หืม…นี่มัน ’
จ้าวเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นสายเบ็ดของบุรุษผมแดงจมหายเข้าไปในวังวนสีขาวขนาดเล็กเหนือผิวน้ำ ซึ่งเมื่อพยายามเพ่งสายตาดูชัดๆ ก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
‘ ดูคล้ายกำลังตกปลา แต่สายเบ็ดกลับแทรกผ่านเข้าไปในสังสารวัฏ!!! ’
ด้วยเคล็ดวิชาเนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่ง จ้าวเทียนย่อมมองออกว่า สายเบ็ดนั้นทรงพลังถึงขั้นแทรกแซงสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งควบคุมกฎการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพชีวิตในจักรวาล
เพียงแต่กลางสังสารวัฏหกวิถีลึกลับสุดหยั่งคาด เขาจึงไม่อาจสอดส่องถึงส่วนลึกในใจกลาง ที่สายเบ็ดของบุรุษผมแดงจมหายไป
‘ สังสารวัฏหกวิถีเป็นศูนย์กลางสำคัญของการโคจรแห่งสามภูมิ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดกลับชาติมาเกิดล้วนต้องอาศัยมัน ’
‘ ซึ่งแม้แต่ตัวฉันเอง ก็ยังสัมผัสความลึกล้ำของวัฏจักรนี้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่อาจยื่นมือเข้าแทรกแซงกฎหรือควบคุมแก้ไข แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้ก้าวข้ามขอบเขตจักรพรรดิไปเรียบร้อยแล้ว ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างจริงจัง ทำให้บุรุษผมแดงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วหันมาสบตากับเขาเป็นครั้งแรก
‘ หืม นี่เขาอ่านใจฉันได้งั้นเหรอ ’
วูป!
พริบตานั้นเอง ก็ได้เกิดม่านพลังสีขาวปกคลุมร่างกายจ้าวเทียน เพื่อปิดกั้นจิตวิญญาณของเขาจากการตรวจสอบทั้งหมด
“ ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้มีเจตนาจะขุดคุ้ยความลับของเจ้าหรอก ” พูดจบ บุรุษผมแดงก็หันไปให้ความสนใจกับคันเบ็ดในมือเหมือนเดิม
“ ผู้อาวุโส ท่านกำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนกลั้นใจถามขึ้นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตรึงเครียด
“ ข้ากำลังค้นหา กลิ่นอายของวานรตัวหนึ่งในสังสารวัฏหกวิถี ”
“ ท่านกำลังใช้คันเบ็ดนี่…ตกวานร? ” จ้าวเทียนถามย้ำไปอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป วานรที่ไหนจะอ้าปากกินเบ็ดเหมือนปลากัน ต่อให้ใช้กล้วยเป็นเหยื่อล่อก็ตามที
“ ทำไม เจ้าไม่เชื่องั้นรึ? ” บุรุษผมแดงกระตุกสายเบ็ดขึ้นมาให้จ้าวเทียนดู ซึ่งสิ่งที่ผูกติดอยู่ไม่ใช้กล้วยแต่อย่างใด มันกลับเป็นกระดูกหางของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ ปลดปล่อยออร่าสีดำอันน่าหวาดกลัวออกมาตลอดเวลา
“ เมื่อเจ็ดแสนปีก่อน วานรตัวนั้นพยายามบุกรุกเข้ามาที่แม่น้ำแห่งเต๋า เพื่อหวังแย่งชิงของบางอย่างไปจากข้า สุดท้ายมันก็ล้มเหลวกลายเป็นวานรหางด้วนหลบหนีจากไป ”
“ จนกระทั่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว กลิ่นอายวิญญาณที่แท้จริงของมันก็หายไปจากสามภพสามภูมิอย่างไร้ร่องรอย ข้าเลยสงสัยว่ามันใช้วิธีกลับชาติมาเกิดใหม่หรือเปล่า จึงลองค้นหาตัวสังสารวัฏหกวิถีดู ”
บุรุษผมแดงตอบกลับไปอย่างมีความหมาย ทำให้ผู้มีความคิดฉับไวอย่างจ้าวเทียนคาดเดาบางสิ่งออกทันที
“ หรือวานรที่ผู้อาวุโสหมายถึง จะเป็นวานรเทพสามตาที่ควบคุมเต๋าแห่งสวรรค์ ” จ้าวเทียนรู้สึกตกใจมาก เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริงแผนการบุกไปสังหารเต๋าสวรรค์คงล้มเหลวแน่
“ ใช่แล้ว เป็นมันนั่นแหละ แต่เจ้าก็ไม่ต้องหวั่นวิตกเกินไป บางทีมันอาจจะถูกใครบางคนสังหาร หรือไม่ก็หลบหนีออกจากจักรวาลของพวกเราไปแล้วก็ได้ หึหึ ” บุรุษผมแดงหัวเราะอย่างเย็นชา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้คิดตามที่พูดจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน