จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 615

เมื่อแสงสว่างจางหายไป สิ่งแรกที่สู่สายตาจ้าวเทียนก็คือแผ่นศิลาโกลาหลขนาดยักษ์ ซึ่งถูกจารึกด้วยอักขระภูติโบราณสีทอง

บูชาพระองค์…สรรพสิ่งต้องน้อมบูชาเต๋าสวรรค์สูงสุด

สรรเสริญพระองค์…สรรพสิ่งต้องเปล่งเสียงตะโกนก้อง เพื่ออำนวยพรให้เต๋าสวรรค์สูงสุด

พิสูจน์ความศรัทธา…สรรพสิ่งต้องให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อเต๋าสวรรค์สูงสุด ด้วยชีวิตและดวงวิญญาณ

ทั้งหมดนี้ คือใจความสำคัญของหลักคำสอนที่ถูกจารึกไว้บนแผนศิลาโกลาหล ซึ่งมันก็กำลังลอยเด่นอยู่เหนือมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับการสักการะบูชาจากเหล่านักบวชนับล้าน

“ ยินดีต้อนรับ ผู้มาเยือนทั้งสอง ”

แวบ!

เสียงนี้ มาพร้อมกับรัศมีสีทองเปล่งกระกายเจิดจ้า ของร่างอันแก่ชราที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่านักบวชทั้งปวง

“ หืม หรือนี่จะเป็นร่างอวตารของเต๋าสวรรค์ ไม่ซิ เขาดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย ” จ้าวเทียนหันไปขอความเห็นจากจักรพรรดินีปิงเยว่ แต่ก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของอีกฝ่าย

“ กลิ่นอายแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ พวกมันถูกสามผู้ปกครองสังหารไปแล้วไม่ใช่รึ จะมาปรากฏตัวในสถานที่นี้ได้อย่างไร ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดพึมพำกับตัวเอง สายตานางจับจ้องไปที่ร่างบนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง

“ หึหึ รู้สึกเป็นเกียรตินัก ที่จักรพรรดินีปิงเยว่ผู้ยิ่งใหญ่ยังจดจำข้าได้ ” ชายชราสวมชุดคลุมสีขาวที่นั่งอยู่บัลลังก์ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ อาจารย์ป้า เขาคือ… ” จ้าวเทียนถามออกมาเบาๆ ถึงแม้ตัวเขาจะได้รับความทรงจำบางส่วนมาจากจักรพรรดินีปิงเยว่ แต่มันก็จำกัดอยู่เพียงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิด และประสบการณ์ต่างๆที่ได้รับจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาเท่านั้น

“ ระวังตัวด้วย ชายชราผู้นี้คือหัวหน้าสายลับจากจักรวาลอื่น ซึ่งโดนสามผู้ปกครองกวาดล้างไปในอดีต ก่อนที่พวกท่านจะตัดสินใจเดินทางจากไป ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็รีบใช้วิชาเนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่งตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามทันที และนั่นก็ทำให้ดวงตาเขารู้สึกแสบร้อน จนต้องยกเลิกการใช้เคล็ดวิชาในที่สุด

“ เหอะ เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรสวรรค์บรรพกาลของข้า วิชาชั้นต่ำของเจ้าไม่มีทางได้ผลหรอก ”

“ เนตรสวรรค์งั้นเหรอ? หรือจะเป็นแบบเดียวกับเทพเอ้อหลางเสิน ” จ้าวเทียนพูดขึ้น เมื่อเห็นดวงตาที่สามตรงกลางหน้าผากฝ่ายตรงข้าม

“ บังอาจ กล้าเปรียบเทียบเนตรสวรรค์บรรพกาลของข้า กับของเลียนแบบเช่นนั้นได้อย่างไร ”

ตูมมม!ๆๆๆๆๆๆๆ

เพียงอีกฝ่ายชี้นิ้วไปทางจ้าวเทียน ทัณฑ์สายฟ้าสีทองก็ฟาดถล่มลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ซึ่งอานุภาพการโจมตีนี้อยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดไปอีกขั้น ทำให้จ้าวเทียนต้องรีบตอบโต้กลับไป เพื่อป้องกันจักรพรรดินีปิงเยว่ที่อยู่ด้านข้าง

เปรี้ยงง!

เงาหมัดขนาดยักษ์ได้บดขยี้ต้นกำเนิดทัณฑ์สายฟ้าจนสิ้นซาก แต่มันก็ทำให้จ้าวเทียนและชายชราลึกลับขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกัน เนื่องจากรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม ว่าอยู่ในระดับเดียวกับตนเอง

“ ช่างน่าสนใจจริงๆ ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มอายุเยาว์เช่นเจ้า จะต้านทานพลังสี่ส่วนของข้าได้ ”

“ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าผู้แข็งแกร่งระดับนี้จะยอมกลายเป็นสุนัขรับใช้วานรเทพสามตา ” จ้าวเทียนพูดตอกหน้าฝ่ายตรงข้ามกลับไปอย่างเจ็บแสบ

“ สุนัขรับใช้? ข้าคือมหาปุโรหิตผู้ปกครองสูงสุดแห่งวิหารเต๋าสวรรค์ ทั้งข้าและวานรเทพสามตาตกลงร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม ไม่ใครอยู่ต่ำกว่าใคร จงระวังคำพูดของเจ้าให้ดี ” มหาปุโรหิตตวาดออกมาเสียงดังด้วยโทสะ

“ หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว แกจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับฉัน จะสู้ก็สู้ แต่ถ้าหวาดกลัวก็จงไสหัวไปซะ ” จ้าวเทียนเจตนายั่วยุศัตรู เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหันไปสนใจจักรพรรดินีปิงเยว่

“ โอหังยิ่งนัก อย่าคิดว่าแค่เอาชนะบรรพชนมังกรทองได้ แล้วจะมาพูดจาสามหาวต่อหน้าข้า จงรู้ไว้ซะ ในอดีตตัวตนเช่นเจ้าถูกข้าสังหารในพริบตามานักต่อนักแล้ว ”

เมื่อเห็นสีหน้าโกรธแค้นของมหาปุโรหิต จ้าวเทียนก็ตัดสินใจเติมน้ำมันเข้ากองไฟ โดยการชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายทันที

!!

“ นั่นคือสัญลักษณ์อะไร เจ้ากำลังท้าทายข้าอยู่งั้นรึ ” ในตอนแรกมหาปุโรหิตยังสับสนอยู่บ้าง แต่เมื่อดวงตาเขาเปล่งแสงสีทอง ก็รับรู้ได้ถึงความหมายของนิ้วกลางได้ชัดเจน

ปัง!

เสียงตบฟาดที่วางแขนบัลลังก์ดังสะท้อนไปทั่ว มหาปุโรหิตชี้หน้าจ้าวเทียนด้วยริมฝีปากสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระงับโทสะตนเองให้เป็นปกติได้สำเร็จ

“ ดีมาก งั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็น อานุภาพแห่งเนตรสวรรค์บรรพกาลที่แท้จริง ”

พูดจบ มหาปุโรหิตหลับตาทั้งสองข้าง แล้วใช้ดวงตาที่สามจ้องมอง อดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมไปถึงชีวิติและความตายของจ้าวเทียน

วูป!

ห้วงเวลาได้หยุดนิ่งลง ร่างกายของจ้าวเทียนและจักรพรรดินีปิงเยว่ เหมือนถูกแช่แข็งโดยกฎเกณฑ์ที่สรรสร้างจักรวาล มันเป็นฤทธานุภาพที่อยู่เหนือมหามรรคาจักรพรรดิไปอีกขั้น แม้แต่ขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองก็ไม่อาจต้านทานได้

“ ทุกสิ่งล้วนมีจุดจบ! จ้าวเทียน! ให้ข้าได้เห็นความตายของเจ้า!! ”

เมื่อเห็นอำนาจควบคุมกฎเกณฑ์ของตนใช้ได้ผลกับอีกฝ่าย มหาปุโรหิตก็ฉีกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะดูดกลืนอายุขัยครึ่งหนึ่งของเหล่าสาวกนับล้าน เพื่อใช้ประกาศิตสั่งตายใส่ศัตรู

แวบ!

ตราประทับรูปดวงตาสีทอง เริ่มก่อตัวขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อใดที่มันถูกประทับลงบนจิตวิญญาณของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหวนคืนสู่ความว่างเปล่า ทั้งชีวิตและความตายรวมไปตัวตนของจ้าวเทียนจะถูกลบหายไปทันที

“ ร่างเจตจำนงเทพยุทธ!”

เพล้ง!

เสียงเหมือนกระจกแตกดังขึ้น จ้าวเทียนได้ใช้ร่างเจตจำนงแห่งแสงที่อยู่เหนือกาลเวลา เพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม จนตราประทับแห่งความตายสูญเสียการควบคุมไปชั่วครู่หนึ่ง

แต่ทว่า

ตูม!ๆๆๆๆๆ

โซ่ตรวนสีดำหลายร้อยหลายพันเส้น ระเปิดออกมาจากความว่างเปล่าแล้วผูกมัดร่างแสงของจ้าวเทียนไว้อย่างแน่นหนา

“ หึหึ ที่ใดมีแสง ที่นั่นมีเงา สรรพสิ่งที่ข้ามองเห็นไม่อาจหลีกหนีจากชะตากรรมแห่งความตายได้ ” มหาปุโรหิตหัวเราะเย็นชา เมื่อเห็นการดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ของจ้าวเทียน ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ ตอนนี้ข้ามองเห็นจุดจบของเจ้าชัดเจนแล้ว ทั้งร่างกายรวมไปถึงดวงวิญญาณของเจ้าจะแหลกสลาย ตัวตนของเจ้าจะถูกลบออกไปจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต ”

สิ้นเสียง สัญลักษณ์ดวงตาสีทองก็พุ่งผ่านร่างเจตจำนงเทพยุทธ ไปประทับที่กลางหน้าผากจ้าวเทียนทันที ส่งผลให้ร่างกายเขาเริ่มแตกร้าวเหมือนกระจก

“ ฮา ฮ่า ฮา เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรสวรรค์ที่แท้จริง ต่อให้เก่งกล้ามากจากไหนก็ต้องสยบลงแทบเท้าข้า ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ร่างเจตจำนงแห่งแสงของจ้าวเทียนก็แค่นเสียงออกมาอย่างดูถูก ก่อนจะพูดเย้ยหยันฝ่ายตรงข้ามกลับไป

“ ช่างเป็นเสียงเห่าหอนที่น่ารำคาญจริงๆ สุนัขรับใช้อย่างแกคิดจะเอาชนะฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! ”

“ แม่น้ำแห่งเต๋า จงปรากฏ! ”

ครืนนน!

เกิดเป็นภาพลวงตาแม่น้ำแห่งเต๋าลอยอยู่เหนือศีรษะจ้าวเทียน และเสี้ยววินาทีต่อมามันก็กลายเป็นจักรวาลแห่งเต๋าอันกว้างใหญ่ไพศาล ก่อนจะประสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจ้าวเทียน

“ อ้ากกกก! เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีของสิ่งนี้ได้อย่างไร ”

มหาปุโลหิตกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน เพราะดวงตาที่สามของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจากดันไปใช้ประกาศิตสั่งตายใส่จ้าวเทียนที่หลอมรวมกับแม่น้ำแห่งเต๋า

ต้องเข้าใจก่อนว่า สมบัติโกลาหลแรกเริ่มชิ้นนี้ ได้กักเก็บเจตจำนงและพลังของบรรพชนเต๋าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเอาไว้ มันไม่ใช่สิ่งที่เนตรสวรรค์บรรพกาลจะต้านทานไหวแน่นอน

แวบ!

ตอนนี้กฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ผูกมัดจ้าวเทียนได้แตกสลายไปหมดแล้ว ทำให้ร่างเจตจำนงเทพยุทธของเขาพุ่งทะยานไปถึงตัวมหาปุโรหิตในพริบตา

“ ตายซะ! ”

ฉัวะ!

ดรรชนีกระบี่ของร่างแสงจ้าวเทียน เจาะทะลวงการป้องกันทุกอย่าง แทงลึกเข้าไปที่กลางหน้าผากมหาปุโรหิตอย่างแม่นยำ

กระบวนท่านี้แฝงไปด้วยเต๋ากระบี่ราชันสวรรค์ ซึ่งมีอานุภาพลึกล้ำเหนือประมาณ ทั้งยังโจมตีไปที่จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามตรงๆ ย่อมสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตผู้ปกครองเอกภพได้แน่นอน

แวบ!

เมื่อร่างเจตจำนงเทพยุทธสลายไป กาลเวลาที่เคยหยุดนิ่งก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้ทั้งเหล่าสาวกนับล้านรีบหันไปมองด้านหลังด้วยความตกใจ เนื่องจากพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องก่อนตายของผู้นำตนเอง

“ อะไรกัน ท่านมหาปุโรหิตพ่ายแพ้ได้อย่างไร ”

“ เป็นไปไม่ได้ เหตุใดข้าจึงไม่เห็นการต่อสู้เลย ”

“ ไม่นะ นี่มันไม่จริง พวกเราต้องตาฝาดไปแน่ๆ ”

สำหรับเหล่าสาวกอยู่ในขอบเขตเทพโลกา สิ่งเดียวที่พวกเขาจำได้ก็คือ พริบตาที่มหาปุโรหิตพูดจาดูถูกจ้าวเทียน บอกว่าจะสังหารฝ่ายตรงข้ามในคราวเดียว

จากนั้นพอรู้สึกตัวอีกที ผู้นำที่สุดแสนจะแข็งแกร่งของพวกตนก็กลับกลายเป็นศพไปแล้ว โดยที่ศัตรูยังไม่ทันขยับตัวแม้แต่น้อย

“ ดูเหมือนตัวข้าจะแก่ชราลงแล้วจริงๆ ” จักรพรรดินีปิงเยว่พูดขึ้นอย่างทอดถอนใจ

ด้วยระดับพลังของนางทำรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่หยุดนิ่งดี เพียงแต่ไม่อาจตอบโต้ศัตรูได้เหมือนจ้าวเทียน จึงทำได้มองดูการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น

“ อาจารย์ป้าอย่าเพิ่งชะล่าใจ การต่อสู้ยังไม่จบ ” จ้าวเทียนส่งกระแสจิตถึงจักรพรรดินีปิงเยว่ ก่อนจะชี้กระบี่ไปทางซากศพของมหาปุโรหิต ที่นั่งทอดกายอยู่บนบัลลังก์สีทอง

“ หยุดเสแสร้งได้แล้ว ฉันรู้ว่าแกยังคืนชีพได้อีกครั้ง ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน