ณ คฤหาสน์ดาราสวรรค์เกาะกลางทะเลสาบ
ตอนนี้จ้าวเทียนกับพวกของเฉินจิ้งทั้งสี่คน กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงประชุมขนาดใหญ่ เพื่อวางแผนเกี่ยวกับการฝึกกองกำลังในอนาคต
“ เอาล่ะ…ฉันได้อ่านข้อมูลของพวกคุณทั้งสามคนแล้ว แต่ก็มีข้อสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง ฉันต้องการรู้ถึงประวัติของตระกูลพวกคุณด้วย ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ประวัติส่วนตัวของพวกเขาทั้งสามคน บอกเพียงประสบการณ์การฝึกฝนในค่ายทหารเท่านั้น แต่ไม่มีเรื่องราวก่อนที่จะเข้าฝึกเลย
ครอบครัวของทหารหลายคนก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในค่ายเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขามีอาชีพอะไร อยู่ที่ไหน กลับไม่มีบอกเอาไว้
“ เริ่มจากนายก่อน…หูเสี่ยวหมิง ” จ้าวเทียนหันไปถามชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา
“ ผม… ” หูเสี่ยวหมิงมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย อดีตของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะยอมรับ
“ ไม่ต้องกังวล…ขอเพียงแค่นายไม่ใช่คนชั่วร้าย ต่อให้อดีตของนายจะไม่ขาวสะอาดฉันก็ไม่มีปัญหา ” จ้าวเทียนให้คำรับรองเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ ตกลงครับ…เมื่อสิบปีก่อนครอบครัวของผมเป็นมาเฟียเก็บค่าคุ้มครองอยู่ตรงแถบเมืองยูนาน แต่เพราะมีเรื่องขัดแย้งทางผลประโยชน์กับแก๊งคู่อริ ครอบครัวของผมเลยโดนลอบสังหารจดหมด ”
“ ตอนนั้นผมที่มีอายุเพียงแปดขวบ ได้รับความช่วยเหลือจากลุงของผมที่เป็นทหาร ภายหลังเลยได้เข้ามาอาศัยอยู่ในค่ายทหารครับ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็มีสีหน้าโล่งใจ ตอนที่ครอบครัวทำงานผิดกฎหมายอีกฝ่ายเพิ่งจะมีอายุแปดขวบเท่านั้น ย่อมไม่มีส่วนร่วมแน่นอน
“ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีปัญหา…คนต่อไป กู่เฟยหลง ” จ้าวเทียนหันไปถามชายร่างใหญ่ต่อ
“ ครอบครัวของผมเป็นทหารมา10 รุ่นครับบอส…ผมอยู่ในค่ายตั้งแต่เกิด ” กู่เฟยหลงตอบด้วยรอยยิ้มภูมิใจ
“ ดีเลย…งั้นนายคงจะมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น ฉันจะให้นายเป็นดูแลเรื่องกฎข้อบังคับในกองกำลังก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนมอบหน้าที่สำคัญให้กู่เฟยหลงด้วยท่าทีจริงจัง
“ รับทราบครับบอส…เชื่อมือผมได้เลย ” กู่เฟยหลงรับปากด้วยรอยยิ้มมั่นใจ
“ แล้วเธอล่ะ…ถังซิ่วหนิง ” จ้าวเทียนหันไปถามหญิงสาวผมสั้นด้วยแววตาเฉียบคม
“ ฉัน…ฉันเป็นแค่ลูกสาวของของตระกูลเล็กๆในเมืองซีอานค่ะ เมื่อแปดปีก่อนพ่อแม่ฉันเสียชีวิตด้วยอาการเจ็บป่วย ฉันเลยมาอยู่กับญาติที่ค่ายทหาร ” ถังซิ่วหนิงตอบด้วยท่าทีเป็นกังวล เธอรู้สึกว่าท่าทีของจ้าวเทียนตอนมองมาทางเธอนั้นแตกต่างจากคนอื่น
“ งั้นเหรอ…เธอช่วยต่อสู้กับฉันหน่อยได้ไหม ไม่ต้องห่วงฉันจะออมมือให้ ใช้เพียงพลังกายเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ฉันต้องการเห็นฝีมือของเธอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ตอนนี้ถังซิ่วหนิงเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว
‘ หรือว่าเขาจะรู้ความลับของฉัน ’
จ้าวเทียนเดินนำออกไปตรงลานกว้างหน้าห้องโถง แล้วพยักหน้าให้ถังซิ่วหนิงตามออกมา
“ มาเถอะ! ”
“ ตกลงค่ะ… ” ถังซิ่วหนิงตอบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตรงลานกว้างคนทั้งคู่ยืนห่างกันประมาณห้าเมตร ตอนนี้พวกเฉินจิ้งก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว พวกเขาได้เดินไปยืนป้องกันบริเวณทางออกไว้
‘ บอสต้องพบพิรุธบางอย่างแน่นอน ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นสายลับ ’
“ฉันจะใช้กระบวนท่าหมัดตรงเพียงอย่างเดียว…เริ่มได้! ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตุบ!
แกร่ก!
เพียงเขาก้าวออกไป พื้นกระเบื้องตรงหน้าก็แตกละเอียด
ฟุ่บ!
เปรี้ยง!
ตัวของถังซิ่วหนิงถูกชกกระเด็นออกไปเกือบสิบเมตร เมื่อกี้เธอยกมือขึ้นป้องกันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรับหมัดของจ้าวเทียนได้
แขนข้างที่ยกขึ้นมากันไว้ ตอนนี้รู้สึกชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว กระดูกแขนของเธอคงจะหักไปเรียบร้อย
ถ้าหมัดเมื่อกี้ชกเข้ามาที่ตัวเธอ หากไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส
‘ นี่มัน…ไม่ใช่การทดสอบแล้ว เขาจะฆ่าฉันจริงๆ ’
จ้าวเทียนพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ต่อให้ไม่ใช้พลังปราณ แต่แค่พลังเพียงส่วนเดียวของเขาในตอนนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังรับมือไม่ไหวด้วยซ้ำ
พลัก!
อั่ก!
ถังซิ่วหนิงล้มลงกระแทกพื้น เธอกระอักเลือดออกมาคำโต
‘ ถ้ายังปกปิดฝีมืออยู่…ฉันคงต้องตายแน่ ’
หลังจากที่คิดได้ เธอก็ฝืนลุกขึ้นมาด้วยท่าทีเปลี่ยนไป แววตาของเธอจริงจังขึ้น
“ ดีมาก!...ในที่สุดก็เอาจริงแล้วซินะ ขอฉันดูฝีมือของรุ่นเยาว์สำนักโบราณหน่อยเถอะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ฟุบ!
หมัดของเขาชกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มือซ้ายของถังซิ่วหนิงได้หมุนวนเป็นวงกลมแล้วเบี่ยงหมัดของจ้าวเทียนไปด้านข้าง
!!
หืม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน