หลังจากได้ยินคำพูดอวดดีของจ้าวเทียน หลงมู่เฉินที่ได้รับความช่วยเหลือจากหวังฝูหมิง ก็ยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก
“ แกคิดว่าพลังแค่นั้น…จะสามารถล้มขอบเขตเซียนระดับสูงสุดได้เหรอ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หันไปด้านหลังด้วยแววตาเคร่งเครียด
วิ้งงๆ
พลังอันมหาศาลระเบิดขึ้นมาจากด้านล่าง จ้าวหงเลี่ยง ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ เสื้อผ้าของเขามีลอยฉีกขาดเล็กน้อย บนตัวเขาไร้บาดแผลโดยสิ้นเชิง
ยกเว้นเพียงแค่มือข้างที่จับกระบี่มีเลือดไหลซึมออกมา เพราะเขาใช้กระบี่รับหมัดของจ้าวเทียนได้ทันในเสี้ยววินาทีสุดท้าย
“ ในเมื่อแกกล้าโจมตีฉันแบบนี้…ฉันก็จะไม่ปรานีแกอีกต่อไป ” จ้าวหงเลี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนแรกเขายังมีความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายอยู่บ้าง
แต่เพราะหมัดเมื่อกี้ของจ้าวเทียนทำให้ความคิดเหล่านั้นหายไปทันที หากเขาใช้กระบี่ป้องกันไม่ทันคงได้รับบาดเจ็บรุนแรงไปแล้ว
‘ ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป…ไม่สามารถปล่อยให้มันเติบโตได้ วันนี้ฉันต้องทำลายพลังฝีมือมันด้วยตัวเอง ’
เปลวเพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นจากร่างของจ้าวหงเลี่ยง มันแผ่ความร้อนอันมหาศาลออกมา อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ก็เพราะตัวเองเองก็ฝึกวิชาที่เกี่ยวกับธาตุอัคคีเช่นกัน
ทำให้มันลดทอนพลังเพลิงสุริยันของจ้าวเทียนไปได้สามส่วน…
ตัวของจ้าวหงเลี่ยงนั้นฝึกฝนคัมภีร์หยางลี้ลับ ของบรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลจ้าวในอดีต ซึ่งผู้ที่จะฝึกปรือเคล็ดวิชานี้ได้จำเป็นต้องมีร่างหยางบริสุทธิ์เท่านั้น
จากบันทึกที่ผ่านมาเกือบ 3000ปีของตระกูลจ้าว มีผู้ที่ได้ฝึกวิชานี้เพียงสิบคน ตัวเขานั้นเป็นคนที่ 9 ส่วนคนที่ 10 นั้น คือจ้าวหยุนปิง
ในส่วนต้นของคัมภีร์เคล็ดวิชาหยางลี้ลับนี่ถูกสร้างขึ้นบนแดนสวรรค์ เป็นเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์อันดับแรกในสายของธาตุอัคคี
เหตุผลที่จ้าวหงเลี่ยงมีระดับขอบเขตที่สูงกว่าเซียนคนอื่นในรุ่นเดียวกันก็เป็นเพราะเคล็ดวิชานี้และสิ่งที่ทำให้จ้าวหยุนปิงได้เป็นคู่หมั้นของหลานสาวผู้สืบทอดสำนักง้อไบ๊ก็เป็นเพราะเคล็ดวิชานี้ด้วยเช่นกัน
ทางสำนักง้อไบ๊นั้นมีเคล็ดวิชาลับที่เป็นธาตุหยินสุดขั้ว ถ้าได้ฝึกฝนแบบคู่กับผู้ฝึกคัมภีร์หยางลี้ลับที่เป็นธาตุหยางสุดขั้ว
เมื่อใดที่หยินและหยางได้ส่งเสริมซึ่งกันและกันก็จะสามารถบรรลุขั้นสูงสุดของเคล็ดวิชาได้อย่างรวดเร็ว
ฟู่ววว
เปลวเพลิงสีขาวได้ถูกดึงดูดเข้าในกระบี่หยางพิสุทธิ์ อาวุธระดับเทพของจ้าวหงเลี่ยง
วิ้งๆๆ
กระบี่ที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีขาวมันสั่นไหวเหมือนกับมีชีวิต เพียงแค่คลื่นพลังที่มันแผ่ออกมาก็เหมือนจะสามารถเผาทุกอย่างให้เป็นจุล
“ เพลิงผลาญนภา! ”
ควับ!
เพียงแค่จ้าวหงเลี่ยงฟันกระบี่ไปด้านหน้า คลื่นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็ระเบิดใส่ตัวจ้าวเทียนอย่างรุนแรง
ตูมมม!
ก้อนเมฆที่ลอยอยูด้านหลังจ้าวเทียนถูกเป่าหายไปจนหมด ตัวของจ้าวเทียนกระเด็นออกไปเกือบพันเมตร
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว…
เมื่อก้มมองกระดูกแขนทั้งสองข้างที่แตกละเอียด จ้าวเทียนก็มีท่าทีกังวลขึ้น พลังของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าเขาเกือบสามเท่า
แม้ความร้อนจากเปลวเพลิงจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่พลังที่ระเบิดออกมานั้นกลับทำลายการป้องกันทั้งหมดของเขาทันที
‘ หากมีเวลาอีกซักเดือนละก็…ฉันไม่มีทางตกอยู่ในสภาพแบบนี้เด็ดขาด ’
ตัวจ้าวเทียนนั้นเพิ่งจะสำเร็จเป็นเซียนได้ไม่ถึงวัน แตกต่างกับอีกฝ่ายที่น่าจะฝึกฝนมาเกินสองร้อยปีแล้ว พลังมันย่อมเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ของจ้าวเทียน ขอแค่เขาอยู่ในขอบเขตเซียนระดับกลาง ก็จะสามารถเอาชนะเซียนขั้นสูงสุดอย่างจ้าวหงเลี่ยงได้แน่นอน
น่าเสียดายที่เขามีเวลาฝึกฝนน้อยเกินไป…
‘ ฉันคงเหลือแค่ทางเดียว…ระเบิดเมล็ดพันธุ์สุริยันทิ้งไป เพื่อใช้พลังทั้งหมดที่ถูกกักเก็บไว้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า ’
‘ แต่ถ้าทำแบบนั้นเส้นทางเซียนของฉันก็จะจบลงทันที…ภายหลังจากนี้จะต้องเริ่มต้นฝึกฝนใหม่อีกรอบด้วยวิถีเทพบนแดนสวรรค์ ’
แววตาของจ้าวเทียนสั่นไหวเล็กน้อย นี่เป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายอย่างมากสำหรับเขา ทั้งที่เพิ่งจะค้นพบเส้นทางที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับต้องทำลายมันลงกับมืออย่างนั้นหรอ
หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง อยู่ดีๆจ้าวเทียนก็หัวเราะออกมา
ฮ่า ฮาๆ
“ ไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไป…พวกแกทั้งหมด ”
“ ตายไปซะ! ”
ครืนนนน
พลังในร่างของจ้าวเทียนปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เขาเตรียมตัวจะระเบิดเมล็ดพันธุ์สุริยันของตัวเองเพื่อแลกกับพลังอันมหาศาล
ในขณะนั้นเอง…
“ ใครกล้าทำร้ายหลานฉัน! ”
!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน