บนท้องฟ้าสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งหมื่นเมตร หลังจากไป๋ซู่เจินได้ดึงตัวจ้าวเทียนออกมาจากหวังฝูหมิง สถานการณ์ก็มาถึงจุดเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะกับฝ่ายของบรรพชนเซียนทั้งสาม
เพราะพวกเขาเห็นตุ๊กตาหมีตัวนั้น…
“ คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” หวังฝูหมิงพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวล
แม้จะมีข่าวว่าอีกฝ่ายสูญเสียพลังทั้งหมดไปแล้ว แต่ภาพความไร้เทียมทานในอดีตของหลินซูซินยังฝังอยู่ในใจเขา โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อ 12 ปีก่อน พลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นมันเกินจินตนาการเขาไปไกลแล้ว
หลินซูซินไม่ได้สนใจหวังฝูหมิงแม้แต่น้อย ขอบเขตเซียนระดับกลางไม่เคยอยู่ในความสนใจเธอมาก่อน สายตาของเธอตอนนี้จับจ้องไปยังเซียนระดับสูงสุดที่ยังต่อสู้กันอยู่
“ พวกนายสองคนจะหยุดเอง…หรือจะให้ฉันลงมือ! ”
!!
เปรี้ยง!
จ้าวหงเลี่ยงอาศัยการโจมตีสุดแรงรีบผละตัวออกมา แล้วบินไปยืนรวมกลุ่มกับพรรคพวกอีกสองคน ส่วนเหยียนซืออู่นั้นความคิดเขาตอนนี้อยู่ที่ตัวจ้าวเทียนตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งเมื่อเห็นหลายชายของเขาตกอยู่ในมือของพวกปีศาจ รังสีสังหารก็ปรากฎขึ้นในแววตาเขาทันที เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาลุกโชนขึ้น
“ ส่งตัวเขามาให้ฉัน…ไม่อย่างนั้น!”
“ ….. ”
หลินซูซินรู้สึกพูดไม่ออก เพราะเธอได้ยินสิ่งที่เหยียนซืออู่พูดชัดเจน บุรุษที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นท่านตาของศิษย์น้อง
เรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก ซึ่งส่วนหนึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะเธอต้องการดูฝีมือของไป๋ซู่เจินด้วย
ทำให้พวกเขาสู้กันโดยไม่จำเป็นทั้งยังเกือบจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่เกิดเรื่องกับจ้าวเทียนซะก่อน
“ จ้าวเทียนเป็นศิษย์น้องของฉัน…ตอนนี้ไป๋ซู่เจินกำลังรักษาบาดแผลเขาอยู่ ”
“ นี่…เธอพูดจริงเหรอ ” เหยียนซืออู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
วูป!
ดวงตาทั้งสองของเขาทอประกายสีทอง ด้วยเคล็ดวิชาเนตรคุนหลุนทำให้เขามองเห็นการหมุนเวียนของพลังงานได้
หืม
‘ ปีศาจงูตนนั้นกำลังรักษาหลานฉันจริงๆ…ฉันเข้าใจพวกเขาผิดตั้งแต่ต้นงั้นเหรอ ’
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หลินซูซินก็มองไปยังบรรพชนเซียนทั้งสามด้วยความเย็นชา บรรยากาศรอบๆตวเธอเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น
“ จ้าวหงเลี่ยง…ไหนลองอธิบายเหตุผลที่ฉันจะไม่ฆ่านายซิ ”
“ ทำไมฉันจะต้องอธิบาย…ให้คุณฟังด้วยล่ะ อย่าลืมว่าตอนนี้คุณไม่ใช่หัวหน้าของพวกเราแล้ว ”
“ เมื่อ 12 ปีก่อนคุณถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหัวหน้าเซียนผู้คุมกฎแล้ว…คุณมีสิทธอะไรมาสั่งฉัน ” จ้าวหงเลี่ยงพูดขึ้นอย่างเฉยชา
ถ้าเป็นในอดีตเขาคงจะกลัวหลินซูซินจริงๆ แต่ในตอนนี้เธอเหลือเพียงดวงวิญญาณที่สิงในตุ๊กตาเท่านั้น พลังของเธอสลายไปหมดแล้ว
ตอนนี้เขานั่งตำแหน่งหัวหน้าเซียนผู้คุมกฎอยู่ ถ้าแสดงความอ่อนแอออกมา ลูกน้องจะดูถูกเอาได้
‘ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังสัมผัสพลังของเธอไม่ได้ แสดงว่าเธอไม่เหลือพลังแล้วจริงๆ ขนาดจะบินขึ้นมาเธอยังต้องอาศัยคนอื่นช่วย ’
‘ ปีศาจทั้งสองตนที่มากับเธอน่าจะอยู่ขอบเขตเดียวกับฉัน ยิ่งเมื่อรวมกับเหยียนซืออู่ ภารกิจในวันนี้คงล้มเหลวแล้ว ’
‘ ฉันควรกลับไปรายงานก่อนดีกว่า…เรื่องนี้ต้องให้ผู้อาวุโสต้วนมู่ลงมือเอง ’
“ พวกเราถอย ” จ้าวหงเลี่ยงสั่งถอยทันที
!!
กึก
“ ฉัน…ขยับไม่ได้ ” จ้าวหงเลี่ยงพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
“ เกิดอะไรขึ้น…ทำไมใช้พลังไม่ได้ ” หลงมู่เฉินเองก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เขารู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์เซียนของเขาถูกผนึกเอาไว้
“ ฝีมือเธองั้นเหรอ ” หวังฝูหมิงหันกลับไปมองหลินซูซินด้วยความกังวล ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนดวงวิญญาณของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ลูกตาสีดำของหลินซูซิน ได้มีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชนขึ้น มันได้ผนึกวิญญาณของบรรพชนเซียนทั้งสามเอาไว้
“ ฉันอนุญาตให้พวกแกไปได้งั้นเหรอ ”
“ ซิงเสวียน! ”
หลินซิงเสวียนรีบโยนตุ๊กตาหมีออกไปทันที
ฟูวววว
พายุเปลวเพลิงสีฟ้าได้ระเบิดออกมา มันลุกโชนขึ้นจนปิดแผ่นฟ้าเบื้องบน ตอนนี้ทะเลเมฆที่พวกเขาเห็น ได้กลับกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตาเดียว
ครืนนน
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวเล็กได้เลือนหายไป ตอนนี้เงาร่างขนาดใหญ่สูงเกือบร้อยเมตรได้ปรากฎขึ้น
ฮูมมม!
กรงเล็บอันแหลมคมได้แหวกทะเลเพลิงออกมา แล้วคว้าไปที่พวกจ้าวหงเลี่ยงทันที
“ แก…แกเป็นตัวอะไรกัน ” หลงมู่เฉินร้องขึ้นด้วยความกลัว เขาไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง ได้แต่มองกรงเล็บนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ อ้าก…สลายไปซะ! ” จ้าวหงเลี่ยงระเบิดพลังออกมา จนหลุดออกจากเนตรผนึกวิญญาณของหลินซูซินได้
ด้วยขอบเขตเซียนระดับสูงสุดอย่างเขา เคล็ดวิชานี้ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ตอนแรกเขาเพียงแค่ตั้งตัวไม่ทันเท่านั้น
“ เพลิงผลาญนภา! ”
ควับ!
ตูมมม!
คลื่นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ระเบิดใส่กรงเล็บของหลินซูซินอย่างรุนแรง จนมันแหลกกระจุย
แต่ทว่า…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน