บนแดนสวรรค์นั้นมีสำนักหรือนิกายนับร้อยพัน แต่ที่แข็งแกร่งจนสามารถสลักชื่อเอาไว้บนศิลาเกียรติยศนั้นมีเพียงแค่เจ็ดสำนัก
จากสำนักทั้งเจ็ด สำนักดาราสวรรค์จัดอยู่ในอันดับเจ็ด ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่เพราะว่ามีลูกศิษย์มากมาย หรือมีผู้ก่อตั้งเป็นจักรพรรดิเทพ
ที่จริงแล้วความแข็งแกร่งของสำนักนี้อยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น
จุดแข็งจริงๆของสำนักดาราสวรรค์ก็คือค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดารา ที่ถูกคิดค้นมาจากการโคจรของยี่สิบแปดกลุ่มดวงดาว
ค่ายกลนี้ได้ทำหน้าที่ปกป้องสำนักมาหลายแสนปี แม้แต่ขอบเขตจักรพรรดิเทพเองก็ไม่อาจสั่นคลอนได้
ตราบใดที่มีมันอยู่…สำนักดาราสวรรค์จะไม่มีทางถูกทำลายตลอดกาล
เนื่องจากบนแดนสวรรค์นั้น ใช้กฎปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างแท้จริง ทุกสำนักย่อมมีเวลาที่รุ่งเรืองและเสื่อมโทรม
ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมารายชื่อบนศิลาเกียรติยศนั้นได้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนทุกยุคสมัย จะมีก็แต่ชื่อของสำนักดาราสวรรค์ที่ยังอยู่คงเดิม
แต่ละครั้งที่มีจักรพรรดิเทพองค์ใหม่เกิดขึ้น เหล่าสำนักใหญ่ก็จะเริ่มช่วงชิงอำนาจกันโดยที่ไม่มีใครให้ความสนใจสำนักดาราสวรรค์
จนผ่านไปนานวันทุกคนก็ลืมไปว่ามีสำนักนี้อยู่ จดจำไว้เพียงชื่อของค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดาราไว้เท่านั้น
แต่เมื่อถึงยุคสมัยของหลินซินเยว่ขึ้นเป็นเจ้าสำนักดาราสวรรค์ ชื่อที่ถูกลืมไปนานนับแสนปีก็ได้กลับมาโด่งดังขึ้นอีกครั้ง
ด้วยความเป็นอัจฉริยะในศาสตร์การทำนายแห่งดวงดาว ทำให้หลินซินเยว่สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดาราอย่างลึกซึ้งเหนือกว่าเจ้าสำนักรุ่นก่อนๆไปไกล
จนสามารถถอดความออกมาเป็นเคล็ดวิชากระบี่สี่ชุด และได้มอบให้ศิษย์หลักทั้งสามคนตามความเหมาะสม
แม้ว่าเคล็ดวิชาย่อยทั้งสี่จะด้อยกว่าต้นฉบับมาก แต่หากนับเฉพาะจุดเด่นของแต่ละวิชา ก็สามารถทัดเทียมกับเคล็ดวิชาระดับเทวะได้สบาย
ภายใต้ขอบเขตจักรพรรดิเทพเคล็ดวิชานี้จัดเป็นสุดยอด
ชื่อของเคล็ดวิชากระบี่ที่มอบให้ศิษย์หลักทั้งสามได้แก่ บูรพาสังหาร ปราการอุดร และวายุประจิม ถูกตั้งขึ้นตามจุดเด่นของวิชานั้นๆคือ จู่โจม ป้องกัน และรวดเร็ว ซึ่งมันก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับศิษย์หลักทั้งสามคนจนโด่งดังไปทั่วแดนสวรรค์
ห่างออกไปร้อยกิโลเมตรจากทะเลสาบมรกต
หลังจากการปะทะกันของจ้าวเทียนกับอู๋ซวน ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจึงดูเชิงกันอยู่ เพราะกำลังประเมินความสามารถของกันและกันจากกระบวนท่าเมื่อครู่
ศัตรูขอบเขตเซียนระดับสูงถึงสองคนทำให้จ้าวเทียนรู้สึกลำบากอยู่บ้าง จากการปะทะกันเมื่อครู่อีกฝ่ายมีพลังสูสีกับตัวเอง แต่นั่นเป็นเพียงแค่พลังเซียนอย่างเดียวเท่านั้น
ในส่วนของพลังกายและความแข็งแกร่ง ร่างกายของจ้าวเทียนได้เหนือไปกว่าขอบเขตของตัวเองมากนัก อีกทั้งเวลานี้ตัวเขาได้อาวุธคู่กายมาแล้ว
“ ฉันกำลังต้องการทดสอบกระบี่อยู่เลย…คนพวกนี้มาได้จังหวะพอดี ”
ในระหว่างที่จ้าวเทียนกำลังวางแผนต่อสู้ สองผู้อาวุโสซงซานเองก็กำลังสนทนาเช่นกัน
“ พี่ใหญ่…ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นหลานชายของเหยียนซืออู่ ฉันจำหน้าตาของมันได้ มันเหมือนกับรูปที่โจวจือหยวนส่งมา ” อู๋เจ๋อพูดด้วยความมั่นใจ
“ งั้นตราบใดที่เราจับตัวมันได้…เหยียนซืออู่มันต้องยอมมอบเคล็ดวิชาออกมาแน่นอน ” อู๋ซวนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะโชคดีขนาดนี้…
“ ยังมีอีกเรื่องนะพี่ใหญ่…ฉันสงสัยว่าไอ้เด็กนี่มันน่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาระดับสูงมาจากตาของมัน ไม่งั้นด้วยอายุแค่นี้มันไม่มีทางมาถึงขอบเขตเซียนได้ ”
“ ทำไมพวกเราไม่ถามเอาจากมันล่ะ…หึหึ ” อู๋เจ๋อพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ ความคิดของนายนี่มัน หึหึ…งั้นตรงนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปคุมเชิงไว้อย่าให้มันหนีได้ล่ะ ” อู๋ซวนพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
เมื่อกี้เขาออกแรงไปเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น ดูยังไงอีกฝ่ายเป็นเพียงเซียนระดับต่ำ ไม่มีทางต่อกรกับเขาได้แน่นอน
“ ดูเหมือนพวกแก…จะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยนะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ศัตรูของเขาวางแผนกันต่อหน้า ไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
ฮา ฮ่า
“ แล้วแกคิดว่าไงล่ะ ไอ้หนู…ขอบเขตเซียนระดับต่ำแบบแก กล้ามาซุ่มโจมตีพวกฉันเนี่ยนะ ” อู๋เจ๋อตอบแบบยิ้มๆ
วูป!
สัมผัสวิญญาณของสองผู้อาวุโสกวาดไปรอบๆทันที แม้พวกเขาจะแสดงท่าทีเหมือนดูถูกจ้าวเทียน แต่ก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลง
“ พวกแกคิดว่าฉันซ่อนกำลังเสริมไว้เหรอ…ไม่ต้องกลัวฉันมาคนเดียว ” จ้าวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
‘ พวกมันสองคนจงใจพูดจาดูถูกฉัน…แต่ก็ลอบระแวงฉันอยู่ มันคงกลัวว่าฉันเป็นเพียงตัวล่อสินะ ’
หืม
“ ไม่มีเซียนคนอื่นอยู่แถวนี้... นี่แกคิดว่าจะเอาชนะพวกฉันด้วยตัวคนเดียวจริงๆเหรอ ” อู๋ซวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจ
‘ ไอ้เด็กนี่มันโคถึกไม่กลัวพยัคฆ์จริงๆ…แต่ก็อย่างว่าแหละ เพราะเป็นแบบนี้พวกอัจฉริยะจึงมักจะตายไว ’
จ้าวเทียนไม่ได้ตอบกลับไป เขายกกระบี่ขึ้นช้าๆ ครั้งนี้เขาตั้งใจจะใช้เพียงเคล็ดวิชากระบี่เท่านั้น
วิ้งๆ
กระบี่ราชันสวรรค์ในมือเขาเปล่งประกายสีทอง ละอองแสงเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนได้ระเบิดออกมา
นี่คือเคล็ดวิชากระบี่ที่เขาได้รับการสืบทอดมาจากท่านอาจารย์ เป็นเคล็ดวิชาโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดจากค่ายกลกระบี่ยี่สิบแปดดารา
“ เคล็ดกระบี่บูรพาสังหาร! ”
วูป!
ในสายตาของจ้าวเทียน ท้องฟ้าสีครามได้ถูกแทนที่ด้วยทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่
ทันใดนั้น!
แวบบ
กลุ่มดาวทั้งหมดในอาณาเขตทิศตะวันออกก็เปล่งประกายเจิดจ้า โดยที่จุดแสงซึ่งแทนตำแหน่งของดวงดาวแต่ละดวง ก็ปรากฏขึ้นในอาณาเขตเกือบหนึ่งพันเมตรรอบตัวจ้าวเทียน
โดยที่อาณาเขตดวงดาวนี้ปรากฏขึ้นในมิติอื่นที่ซ้อนทับกับโลก ซึ่งมีเพียงจ้าวเทียนเท่านั้นที่มองเห็นได้
ฟุบ!
เพียงแค่เขาก้าวออกไปตรงตำแหน่งที่มีจุดแสงอยู่ ตัวของเขาก็หายไปทันที
กระบี่ถึงคนถึง!
เช้งง!
อู๋ซวนยกกระบี่ขึ้นมารับด้วยใบหน้าซีดขาว เมื่อกี้เขาเกือบป้องกันไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายเหมือนอยู่ดีๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า
“ นี่มันบ้าอะไรกัน…แกเข้ามาประชิดตัวฉันได้ยังไง ”
จ้าวเทียนไม่ได้ตอบอะไร กระบี่ในมือเขาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
ตำแหน่งของจุดแสงในอาณาเขต จะโคจรตามการเคลื่อนไหวของจ้าวเทียนกับอู๋ซวน ซึ่งมันได้เปิดเผยจุดอ่อนของศัตรูเขาออกมา ทำให้ในตอนนี้จ้าวเทียนได้ควบคุมการต่อสู้ไว้ได้หมด
“ บัดซบ…ไอ้เด็กเวรฉันจะฟันแกให้ร่วง ” อู๋ซวนร้องขึ้นด้วยความโมโห
“ เพลงกระบี่ซงซาน! ”
แช้ง!ๆๆๆๆ
วิถีกระบี่ของอู๋ซวนเปลี่ยนไป มันรวดเร็ว รุนแรง และดุดัน ทุกกระบวนท่าแฝงการผันแปรเปลี่ยนแปลง นี่คือเพลงกระบี่ที่สร้างชื่อให้สำนักซงซานมาหลายร้อยปี
แต่ทว่า…มันกลับไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก
แช้งๆๆ
เปรี้ยง!
อ้ากก!
ไหล่ข้างขวาของอู๋ซวนชุ่มไปด้วยเลือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน