ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่จ้าวเทียนถูกย้ายลงมาที่โบราณสถานใต้ทะเล เวลานี้เขาได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้อ๋าวเฟิงฟังจนเกือบหมด โดยปิดบังไว้เพียงความลับของสำนักเท่านั้น
“ มังกรมารอเวจีตัวนั้น…เป็นหนึ่งในจิตวิญญาณทั้งเก้าของฉันเอง เธอโชคดีมากนะที่มีชีวิตรอดมาได้ แม้มันจะเป็นตัวที่มีพลังอ่อนที่สุด แต่ก็เหนือกว่าขีดจำกัดของโลกนี้ไปแล้ว ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ ตอนนั้นคงเป็นเพราะผมใช้พลังไปจนหมด อีกฝ่ายเลยไม่สนใจมากกว่าครับ ” จ้าวเทียนตอบตามความเข้าใจของตัวเอง
เขายังจำแววตาของมังกรมารอเวจีได้ มันมองเห็นเขาเป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น เลยขี้เกียจจะสนใจ
“ ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละ…แต่เธอเองก็ยอดเยี่ยมมาก ในเวลาเพียงครึ่งเดือนกลับมีพลังอยู่ในขอบเขตนี้ได้ เหนือไปกว่าทุกคนที่ฉันเคยพบ ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยแววตาชื่นชม
“ คงเป็นเพราะประสบการณ์นับแสนปีบนแดนสวรรค์ของผม…ทำให้สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ” จ้าวเทียนพูดถ่อมตัวออกมาเบาๆ
“ เธออย่าดูถูกตัวเองเลย…ตัวฉันอยู่มาเป็นล้านล้านปี พบเจออัจฉริยะมามากมาย แต่ไม่มีใครที่เหนือกว่าเธอได้ ”
“ แม้แต่ต้วนมู่เฉียนที่ได้รับพลังเสี้ยวหนึ่งของผานกู่…ก็ยังด้อยกว่าเธอในตอนนี้มาก ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
!!
“ผู้อาวุโสต้วนมู่…ได้รับพลังของผานกู่ ! ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความตกใจ
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เพราะนั่นคือพลังของผู้สร้างจักรวาล มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพบได้ในโลกใบนี้หรือเปล่า
“ ใช่…แต่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น เธอยังจำตอนที่ผานกู่สลายไปเป็นจุดแสงเล็กๆได้ไหม นั่นละคือพลังของผานกู่ หากเปรียบเทียบจุดแสงพวกนั้นเป็นลูกแก้ว ”
“ ในตอนที่ผานกู่ดับสลายไป ได้เกิดเป็นลูกแก้วนับล้านล้านลูก บางส่วนถูกดูดซึมโดยดวงดาว บางส่วนก็ล่องลอยอยู่ในจักรวาล รอถูกค้นพบ ”
“ สิ่งมีชีวิตทรงอำนาจในอดีตบางตนได้รับลูกแก้วไปเต็มๆลูก หรืออาจจะได้มากกว่าหนึ่งลูก เลยทำให้ทรงพลังเหนือสิ่งมีชีวิตอื่น ”
“ ส่วนที่ต้วนมู่เฉียนได้รับไป…มันเป็นเพียงหนึ่งในร้อยของลูกแก้วหนึ่งลูกเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ” อ๋าวเฟิงอธิบายอย่างละเอียด
จ้าวเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว ว่าทำไมต้วนมู่เฉียนถึงบรรลุแก่นแท้ได้ตั้งแต่ขอบเขตนี้ มันเป็นเพราะพลังเสี้ยวหนึ่งของผานกู่นั่นเอง
‘ หรือสิ่งที่ถูกผนึกไว้ในแกนโลก…จะเกี่ยวข้องกับพลังของผานกู่ ’
“ ผู้อาวุโส…ท่านรู้จักเต๋าแห่งสวรรค์ไหมครับ ” จ้าวเทียนถามด้วยสีหน้าจริงจัง เขาต้องการรู้ข้อมูลของศัตรูที่แท้จริง
ด้วยความรอบรู้ของผู้อาวุโสอ๋าวเฟิง ที่มีชีวิตมาตั้งแต่ยุคก่อกำเนิดของจักรวาล ย่อมต้องเข้าใจถึงตัวตนของเต๋าแห่งสวรรค์แน่นอน
“ เต๋าสวรรค์งั้นเหรอ…แต่เท่าที่ฉันจำได้ มันไม่เคยมีอยู่ในแดนสวรรค์โบราณนะ ” อ๋าวเฟิงตอบด้วยความมั่นใจ
!!
“ หรือผู้อาวุโสจะบอกว่า…มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังมหาสงครามในอดีตเหรอครับ ” จ้าวเทียนถามด้วยความแปลกใจ ตอนแรกเขาคิดว่าเต๋าสวรรค์มีมานานแล้ว
“ ใช่แล้ว…เมื่อหนึ่งล้านปีก่อนของแบบนี้มันไม่มีอยู่หรอก แต่พอมาลองคิดดูแล้ว แดนสวรรค์ในตอนนี้มันก็แปลกจริงๆ ขอบเขตจักรพรรดิเทพมีอายุขัยเพียงแสนกว่าปีเท่านั้น ”
“ ในอดีตจักรพรรดิเทพคือผู้เป็นอมตะ…ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอายุขัยหรอกนะ เหตุผลเดียวที่จักรพรรดิเทพจะดับสูญคือถูกสังหารเท่านั้น ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ นี่มัน…หรือมันจะเกี่ยวข้องกับเต๋าสวรรค์ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
หากเต๋าสวรรค์สามารถดูดกลืนอายุขัยของจักรพรรดิเทพได้ เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในอดีตอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าที่คิดเอาไว้
“ เรื่องนั้นเราอย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลย…ตอนนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องของเธอดีกว่า ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ผู้อาวุโสหมายถึง… ” จ้าวเทียนมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
‘ เรื่องของฉัน…นั่นมันคือเรื่องอะไรล่ะ ’
“ ขอฉันศึกษาเมล็ดพันธุ์เซียนของเธอหน่อยได้ไหม…นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนตลอดหลายล้านปีที่ผ่านมา ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
นิสัยของเขาเป็นพวกชอบค้นคว้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวกับแดนสวรรค์โบราณ
ทำให้เมื่อเขาเห็นเมล็ดพันธุ์สุริยันของจ้าวเทียนที่เกิดจากคัมภีร์หมื่นตะวัน มันได้กระตุ้นความสนใจของเขาขึ้นมา
“ เมล็ดพันธุ์เซียนของผมเหรอ ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยท่าทีกังวล
ตอนนี้แววตาของอ๋าวเฟิง เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ที่บ้าคลั่งไม่มีผิด แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้
หืม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน